เครือข่ายการศึกษา ออกแถลงการณ์ประณามการสลายการชุมนุมที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน
ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบ.ชน.) กรณีเพิกเฉยและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อไม่เข้าระงับเหตุจากการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่าย จนมีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ ทั้งที่เจ้าหน้าที่มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ทราบได้ว่าจะเกิดการทำร้ายร่างกายระหว่างที่มีการเผชิญหน้าของมวลชนทั้งสองกลุ่ม และ ผบ.ตร. หรือ ผบ.ชน. สามารถออกคำสั่งให้มีการดูแลความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ณ จุดที่มีมวลชนทั้งสองฝ่ายปักหลักอยู่
ทั้งนี้ ในจดหมายได้อ้างถึงจากภาพข่าวที่สื่อมวลชนรายงาน ปรากฏชัดเจนว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแนวกั้นอยู่ระหว่างผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่มอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ต่อมากลับมีการถอนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากจุดดังกล่าว จนเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายในเวลาประมาณ 17.00 น. เศษ แต่ ผบ.ตร. หรือ ผบ.ชน. กลับเพิกเฉยและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าระงับเหตุ จนกระทั่งมีการปะทะกันอีกครั้งในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. เศษ ทำให้ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ
พร้อมระบุด้วยว่า ในเวลา 16.00 น. ของวันนี้ (18 พ.ย. 2563) จะมีการชุมนุมของกลุ่มราษฎรบริเวณแยกราชประสงค์ ซึ่งผบ.ตร. หรือ ผบ.ชน. มีหน้าที่ตามกฎหมายในการป้องกันเหตุอันตรายโดยการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดูแลความปลอดภัยในการชุมนุม แต่หากยังมีการละเลย ปล่อยให้มีการใช้อาวุธและใช้ความรุนแรงจนเกิดเหตุปะทะกันดังที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (17 พ.ย. 2563) ย่อมเป็นการจงใจลิดรอนเสรีภาพในการชุมนุมของประชาชนโดยอาศัยมวลชนอีกฝ่ายเป็นเครื่องมือใช้ความรุนแรงเพื่อสร้างความหวาดกลัว โดยภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน จะดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์หรือฟ้องคดีอาญาตามกฎหมายต่อไป
ด้านเครือข่ายทางการศึกษา ได้ออกแถลงการณ์ โดยระบุว่า “ขอประณามการกระทำซึ่งขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสลายการชุมนุม โดยการใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูง แก๊สน้ำตา และกระสุนยาง จนทำให้ผู้ชุมนุมซึ่งปราศจากอาวุธจำนวนมากได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะเด็ก เยาวชน และประชาชนที่ต้องการออกไปเรียกร้องความเท่าเทียม ความยุติธรรม และประชาธิปไตยให้กลับมาในสังคมไทย