รับมือภัยพิบัติ และโรคระบาดโควิด-19 เตรียมเรียกประชุมสุดยอดผู้นำระบบอาหารโลก ปลาย ก.ย. นี้ ที่นิวยอร์ก สนง.ใหญ่ องค์การสหประชาชาติ
จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบทำให้บางประเทศเข้าสู่ภาวะการขาดแคลนอาหาร ขณะที่หลายประเทศที่มีภูมิประเทศแบบปิด ประสบปัญหาการขนส่งอาหารที่ชะงักงันในช่วงล็อกดาวน์ สิ่งนี้กำลังสะท้อนว่า หลายประเทศทั่วโลกกำลังมีจุดอ่อนด้านการผลิตอาหารที่เพียงพอ และเป็นที่มาของการจัดประชุมสุดยอดผู้นำระบบอาหารโลกขององค์การสหประชาชาติ หรือ UN เพื่อให้ทุกประเทศมีระบบอาหารที่เข้มแข็ง ไม่ว่าจะเกิดภาวะวิกฤต ภัยธรรมชาติ หรือภัยจากโรคระบาด ก็สามารถหล่อเลี้ยงคนทั้งโลกได้เพียงพอ
วันนี้ (23 ธ.ค. 2563) ธนวรรษ เทียนสิน อัครราชทูต (ฝ่ายเกษตร) และผู้แทนถาวรไทย องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ในฐานะประธานคณะกรรมการความมั่นคงทางอาหารโลก ชี้ว่าปัจจุบันทั่วโลกยังมีคนอดอยาก ขาดแคลนอาหารในช่วงวิกฤตโควิด-19 มากกว่า 132 ล้านคน โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดการล็อกดาวน์ ประชากรบางส่วนต้องบริโภคอาหารที่ไม่มีคุณภาพ แถปยุโรปบางประเทศที่ต้องนำเข้าแรงงานเก็บผลผลิตทางเกษตร ผลผลิตเสียหายในช่วงล็อกดาวน์ เพราะไม่มีแรงงานเข้ามาเก็บผลผลิตทำให้เน่าเสียและไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์ ขณะเดียวกันการขนส่งอาหารที่ต้องหยุดชะงัก ยังทำให้ประเทศไทยที่ไม่มีความเข้มแข็งเรื่องการทำระบบแปรรูปอาหารได้รับผลกระทบหนัก วิกฤตโรคระบาด และภัยธรรมชาติตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องถูกนำเป็นบทเรียนสร้างระบบอาหารของประเทศ และโลกที่เข้มแข็งมากขึ้น
แอนโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ออกมาเรียกร้องให้ผู้นำประเทศ มุ่งเน้นระบบการผลิตอาหาร เพราะที่ผ่านมา นอกจากจะผลิตอาหารไม่เพียงพอแล้ว ระบบการผลิตยังทำลายทรัพยากรธรรมชาติ จากการปนเปื้อนสารเคมีในดิน แหล่งน้ำ รวมถึงระบบการผลิตอาหาร และการบริโภคที่ขาดความสมดุลทำให้เกิดอาหารเหลือทิ้งในปริมาณมาก และขาดความยั่งยืน
สิ่งเหล่านี้ เป็นที่มาของ การประชุมสุดผู้นำด้านระบบอาหารของโลก “UNITED NATIONS FOOD SYSTEMS SUMMIT 2021” ในช่วงเดือนกันยายน 2564 ที่นครนิวยอร์ก สำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ โดยจะมีช่วงที่ผู้นำของแต่ละประเทศขึ้นกล่าวถ้อยแถลง ประกาศเจตนารมณ์ สร้างความมั่นคงทางอาหารภายในประเทศ โดยจะเตรียมหารือกับตัวแทนรัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ของแต่ละประเทศสมาชิกในเบื้องต้น ถึงแนวทางของแต่ละประเทศ ที่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ สำนักงานใหญ่ กรุงโรมในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564
ล่าสุดมีประเทศขนาดใหญ่ เช่น จีน และอินเดีย ประกาศรายชื่อผู้บริหารระดับสูง ที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนองค์กรภายในประเทศแล้ว ขณะที่ไทย ในฐานะประเทศสมาชิก UN จะมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นแม่งานหลัก ซึ่งล่าสุดได้ประสานงานกับ สภาอุตสาหกรรมเพื่อการขับเคลื่อน และเร่งหาข้อสรุปเสนอต่อ องค์การสหประชาชาติ
อัครราชทูต (ฝ่ายเกษตร) และผู้แทนถาวรไทย FAO กล่าวโดยสรุปว่า ภาพรวมของไทยถือว่าสามารถผลิตอาหารได้เพียงพอ และมากกว่าปริมาณความต้องการไทย และส่งออกสินค้าเกษตรเป็นอันดับ 12 ของโลก แต่จำเป็นต้องมีระบบแปรรูป เก็บอาหาร เพื่อรองรับภาวะชะงักงันในการขนส่งให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น ขณะเดียวกันระบบการผลิตของไทยและโลก ยังต้องคำนึงถึงการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (Negative impact) ให้มากที่สุด เพื่อสร้างความสมดุลและความยั่งยืนให้กับระบบการผลิตของประเทศไทย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs 2030)17 เป้าหมาย โดยมีเรื่องความมั่นคงทางอาหาร เป็นเรื่องสำคัญ
ซึ่งหลักการสำคัญของ FAO คือ การทำให้ ประชากรทั่วโลก มีสิทธิเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย และเพียงอย่างเท่าเทียม รับมือกับวิกฤตโรคระบาด และภัยธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน