เปิดมุมมอง เหยื่อล่วงละเมิด ผ่านหนังสือ “ผีเสื้อขยับปีก” – พบเด็กหญิง ถูกกระทำ 14 คน/วัน

สสส. – มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว เปิดตัวหนังสือ “ผีเสื้อขยับปีก” สะท้อนบทเรียนการต่อสู่ เรียกร้องสิทธิ คดีล่วงละเมิดทางเพศ หนุนถอดบทเรียนคดีล่วงละเมิด พัฒนาองค์ความรู้เพื่อผู้ถูกกระทำ แก้ปัญหาสุขภาวะยั่งยืน  

วันนี้(4 พ.ย.64) ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดตัว “หนังสือผีเสื้อขยับปีก” เพื่อบอกเล่าความรุนแรงในเด็กและครอบครัว พร้อมแนะวิธีป้องกันปัญหาและต่อสู้ด้วยข้อกฎหมายในกระบวนการยุติธรรม

สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส. ได้ผลักดันให้เกิดการถอดบทเรียนองค์ความรู้ การทำงานข้ามศาสตร์ ข้ามองค์กร เพื่อหาข้อค้นพบต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินคดีล่วงละเมิดในเด็กและเยาวชนที่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องกระบวนการยุติธรรมระหว่างการต่อสู้เพื่อสิทธิ โดย สสส. และภาคีเครือข่าย ได้จัดทำ “หนังสือผีเสื้อขยับปีก” สะท้อนเรื่องราวของผู้ถูกกระทำที่กล้าลุกขึ้นมาต่อสู้ ไม่ยอมจำนนกับปัญหาที่เข้ามาในชีวิต

เนื้อหาในหนังสือบอกเล่าเรื่องราวของผู้ที่ถูกกระทำที่กล้าลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตัวเอง โดยมีคดีเด็กหญิงอายุ 14 ปี ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศและกระทำความรุนแรงจากคนในชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียงทางภาคใต้มานานนับปี ที่หน่วยงานต้องเข้าไปช่วยเหลือ เรียกร้องความยุติธรรมให้ผู้เสียหายนานกว่า 3 ปี ที่ศาลฎีกาได้พิพากษา จำคุกจำเลยทั้ง 11 คน ตั้งแต่ 15 ปี ถึงตลอดชีวิต 

สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส.

“ขอส่งแรงใจถึงผู้ที่ถูกกระทำจากปัจจัยเสี่ยงทางสังคม ให้ทุกคนลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความถูกต้องเป็นธรรม โดยขอให้เชื่อว่ามีหน่วยงานภาคีเครือข่ายส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่พร้อมให้ความช่วยเหลือและยืนหยัดเคียงข้างอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้มีใครโดดเดี่ยวหรือต่อสู้โดยลำพัง”

ผศ.ปารีณา ศรีวนิชย์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า กฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาในแง่ที่เป็นการคุ้มครองเหยื่อ หรือผู้เสียหายในปัจจุบันถือว่าดี เพราะสามารถฟ้องดำเนินคดีได้ด้วยตัวเอง มีมาตรการคุ้มครองเหยื่อ แต่คดีทางเพศเป็นคดีที่มีความอ่อนไหว จึงต้องอาศัยผู้ที่มีองค์ความรู้เฉพาะทางวางแนวทางแก้ปัญหา เพราะคดีลักษณะนี้เกิดกับคนเปราะบาง กระทบจิตใจและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ บั่นทอนกำลังใจผู้ถูกกระทำระหว่างต่อสู้คดี นอกจากนี้จะเห็นว่าหลักฐานต่างๆ จะอยู่ในที่ลับบนเนื้อตัวของผู้เสียหาย การจะได้มาซึ่งหลักฐานพยานจึงยุ่งยาก ซับซ้อน และอาจถูกทำลายได้ง่าย 

ผศ.ปารีณา  กล่าวต่อว่า กฎหมายที่มีอยู่ในแง่ของการคุ้มครองผู้เสียหาย ถ้าเป็นผู้หญิงการคุ้มครองมีเพียงให้สอบสวนโดยพนักงานหญิง หากเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ก็จะมีสหวิชาชีพซึ่งไม่เพียงพอ อีกทั้งยังทำคดีแยกส่วนถือเป็นช่องว่างของการทำคดีทางเพศที่ไม่ได้เอาตัวผู้เสียหายมาร่วมดำเนินคดีเต็มตัว

“จากการอ่านหนังสือผีเสื้อขยับปีก คิดว่ามีอีกหลายคดีที่ไม่ได้ต่อสู้ เพราะผู้ถูกกระทำหรือครอบครัวไม่รู้ข้อกฎหมาย ขณะที่บางส่วนอาจไม่มั่นใจกระบวนการยุติธรรม เพราะไม่รู้ว่าสังคมจะมองอย่างไร ถูกมองมีมลทินหรือไม่ โดยเฉพาะถูกกระทำจากคนในครอบครัว คนใกล้ชิด คนที่มีอำนาจเหนือกว่า  หนังสือผีเสื้อขยับปีก มีกลไกหลายอย่างที่สามารถสร้างพลังของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดให้คดีสำเร็จ และออกกฎหมายคดีทางเพศใหม่ที่สามารถคุ้มครองผู้ถูกกระทำทุกคน เพื่อให้ผู้เสียหายกล้าเรียกร้องความยุติธรรม ช่วยให้เขามีชีวิตปกติ หรือใกล้เคียงปกติที่สุด และยังมีกฎหมายอีกหลายอย่างที่เกี่ยวเนื่องกันนั้นต้องมีการปรับแก้ให้สอดคล้องกันด้วย”

นริศา อดิเทพวรพันธุ์ ผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า จากคดีเด็กหญิงอายุ 14 ปี ทางภาคใต้ ที่ถูกคนในชุมชนและใกล้เคียงล่วงละเมิดทางเพศ ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าคดีจะสิ้นสุดถือเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ใจของผู้ถูกกระทำและครอบครัว แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือประคับประคองครอบครัวจนก้าวผ่านมาได้ ทั้งนี้ความช่วยเหลือจาก พม. หน่วยงาน มูลนิธิที่เกี่ยวข้องเปรียบเสมือนลมใต้ปีกช่วยพยุงผีเสื้อบาดเจ็บให้โบยบิน กลับมามีชีวิตใหม่อย่างมีคุณค่า แต่ยังมีคนอีกจำนวนมากที่เข้าไม่ถึงกระบวนการช่วยเหลือ ทั้งนี้ จากข้อมูลปี 2561 มีเด็กและเยาวชนถูกกระทำความรุนแรงและถูกล่วงละเมิดทางเพศ 14,237 คน ปี 2562 จำนวน 15,797 คน ในจำนวนนี้เป็นความรุนแรงทางเพศ 5,191 คน คิดเป็น 32.9% เฉลี่ยวันละ 14 คน ส่วนใหญ่ผู้กระทำส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ชิดที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติด หากใครพบเห็นสามารถโทรแจ้งได้ที่สายด่วน 1300 หรือขอคำปรึกษาช่วยเหลือได้ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวทั่วประเทศ   

ทิชา ณ นคร ที่ปรึกษามูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว

ขณะที่ ทิชา ณ นคร ที่ปรึกษามูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว กล่าวว่า การข่มขืนในสังคมไทยสะท้อนปัญหาสังคม 2 ภาพพร้อมกัน คือ 1. ตัวผู้กระทำที่ขาดสำนึกผิดชอบชั่วดีอย่างรุนแรง ภาพที่ซ้อนใต้ภาพนี้คือ ความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างผู้กระทำกับผู้ถูกกระทำหรือ จะเรียกว่าโครงสร้างในเชิงมิติชายเป็นใหญ่ สิ่งที่จะเยียวยาผู้ถูกกระทำในคดีที่สร้างบาดแผลใจอย่างลึกซึ้ง คือสิทธิที่จะถูกลืม หรือการได้ชื่อ นามสกุล เลข 13 หลักใหม่โดยอัตโนมัติ รวมถึงการเริ่มต้นในถิ่นฐานใหม่อย่างมั่นคง ซึ่งหมุดหมายแรกของสิทธิที่จะถูกลืมต้องมาจากฝ่ายกฎหมายจะเขียนอย่างไร จะผลักดันผ่านช่องทางใด และประกาศใช้เมื่อไร เพราะนั่นคือมาตรการการเยียวยาที่ดีที่สุด

สำหรับผู้ที่สนใจหนังสือ “ผีเสื้อขยับปีก” ที่ถ่ายทอดเนื้อหา บทเรียน กรณีคดีละเมิดทางเพศเด็กหญิงบ้านเกาะแรด จ.พังงา จำหน่ายในราคา 250 บาท รายได้จากการจำหน่ายมอบให้เป็นทุนดำเนินชีวิตของครอบครัวผู้เสียหายคดีเกาะแรด สอบถามสั่งซื้อได้ที่เพจ มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว โทร. 0-2048-1950 

Author

Alternative Text
AUTHOR

พิชญาพร โพธิ์สง่า

นักข่าวเล่าเรื่อง ที่เชื่อว่าการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์จะช่วยจรรโลงสังคมได้