หลังมาตราการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป ที่ห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบแล้ว 86,028 ล้านบาท พร้อมลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ กลุ่มโซฮอล 91, 95, E20 หนุนราคาขายปลีกลดลง
วันนี้ (6 มิ.ย. 2565) วิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) ได้พิจารณาทบทวนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลประจำสัปดาห์ โดยมีมติให้ปรับขึ้นราคาน้ำดีเซลลิตรละ 1 บาท เนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกยังคงมีความผันผวน
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดีเซล (Gas Oil) อยู่ที่ 158.29 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล (2 มิ.ย. 2565) เพิ่มขึ้นจากเดิมสัปดาห์ก่อนราคา 149.49 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล (27 พ.ค. 2565) ราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการออกมาตราการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปที่ตกลงจะห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเชีย การเปิดประเทศของจีนตลอดจนปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ลดลงกว่า 1.2 ล้านบาร์เรล
“การปรับราคาดังกล่าวเป็นการทยอยปรับขึ้นเพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนมากนัก ส่งผลให้ราคาขายปลีกดีเซลปรับจากลิตรละ 32.94 บาทเป็นลิตรละ 33.94 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป”
นอกจากนี้ กบน. ยังได้ปรับลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทแก๊สโซฮอล 91 และแก๊สโซฮอล 95 ลงลิตรละ 0.93 บาท (เดิมจัดเก็บลิตรละ1.02 บาท เหลือ 0.09 บาท) และ E20 ลดลงลิตรละ 0.94 บาท (เดิมจัดเก็บลิตรละ 0.12 บาทปรับเป็นให้การชดเชย 0.82 บาท) ทั้งนี้เพื่อให้ราคาขายปลีกลดลง
สำหรับมาตรการช่วยเหลือด้านราคาน้ำมันดีเซล มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 เกี่ยวกับมาตรการลดค่าครองชีพประชาชน โดยรัฐจะเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่ง ซึ่ง กบน. ได้พิจารณาปรับราคาน้ำมันดีเซลครั้งแรกมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา โดยปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 32 บาทต่อลิตร และจะทยอยปรับขึ้นลงตามสถานการณ์เป็นรายสัปดาห์
โดยสัปดาห์ที่แล้ว (30 พ.ค.) ได้ปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งเป็น 33 บาทต่อลิตร รวมทั้งภาครัฐยังมีมาตรการด้านภาษี โดยขยายการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลรอบที่ 2 ปรับลดอัตราภาษีลง 5 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม ถึง 20 กรกฎาคม 2565
ทั้งนี้ อัตราภาษีที่ลดลง 5 บาทต่อลิตร คิดเป็นฐานภาษีที่ลดจริงสำหรับดีเซล B5 อยู่ที่ 4.65 บาทต่อลิตร และการลดภาษีนี้ไม่ได้ลดราคาหน้าสถานีน้ำมันทันทีเพราะต้องนำมาช่วยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงพยุงราคาดีเซลให้อยู่ในราคาที่เหมาะสมได้ยาวนานยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบัน วันที่ 5 มิถุนายน2565 ติดลบ 86,028 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 50,147 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 35,881 ล้านบาท