‘ปริญญา’ ชี้ ‘เพื่อไทย’ ยื้อพรรคร่วมสุดทาง – มองฉากทัศน์ ‘ยุบสภา’ มาแน่ ?

คาดการณ์ ยุบสภาปลายปี เชื่อ เพื่อไทย ยื่นดีลพรรคร่วมหมดหน้าตัก พร้อมข้อเสนอจูงใจ เก้าอี้ รมต. กระทรวงใหญ่ ใน ครม.ใหม่ จนถึงขั้นยอมเปลี่ยนตัว นายกฯ หวั่น เสียพรรคร่วมแม้แต่พรรคเดียว อาจเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาลทันที พร้อม ชี้ ปัญหาการเมืองเวลานี้ กระทบแก้ปัญหาประชาชน

วันนี้ (19 มิ.ย. 68) ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยกับ The Active วิเคราะห์ภายหลังแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงขออภัยกรณีคลิปเสียง โดยตั้งข้อสังเกต ว่า การที่ นายกฯ แพทองธาร ใช้คำว่า “ขออภัย” ไม่ใช่คำว่า “ขอโทษ” มีความแตกต่างกัน เพราะหากเป็นการขอโทษจะถือเป็นการยอมรับว่าสิ่งที่ทำไปเป็นเรื่องที่ผิด แต่การขออภัยไม่ได้เป็นสิ่งที่ นายกฯ ยอมรับว่าผิด คือ อาจจะรู้สึกผิดก็ได้ หรือไม่ผิดก็ได้ แต่ก็ได้ออกมาขอภัยแล้ว

“การที่แถลงแล้ว ไม่ได้ออกมาขอโทษ คุณแพทองธารเอง อาจจะไม่ทราบถึงความแตกต่าง หรืออาจจะมีคนบอกคุณแพทองธารว่า ต้องใช้คำพูดว่าขออภัยนะ อย่าขอโทษ ก็เป็นไปได้ทั้งคู่ อาจจะมีคนไปบอกว่าถ้าหากเป็นการขอโทษ มันจะเป็นการยอมรับว่าเราทำผิด เดี๋ยวจะโดนเอาไปใช้ในการเล่นงานต่ออีกก็เป็นไปได้ การแถลงวันนี้อาจทำให้น้ำหนักเรื่องนี้เบาลงบ้าง เพราะในภาพรวมการแถลงดีกว่าการชี้แจงเมื่อวาน แต่ถามว่าจะช่วยบรรเทาสถานการณ์ได้เพียงพอหรือไม่ ก็อาจจะบรรเทาได้นิดหน่อย แต่ยังไม่ได้แก้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในเวลานี้นัก” 

ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 

จับตาท่าทีพรรคร่วม อยู่ต่อ หรือพอแค่นี้ ?  

ผศ.ปริญญา ยังประเมินการเมืองหลังจากนี้ โดยขอให้รอดูท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล 3 พรรค คือ รวมไทยสร้างชาติ, ประชาธิปัตย์และ ชาติไทยพัฒนา รวมถึง กล้าธรรม และ ประชาชาติ แต่หลัก ๆ คือ 3 พรรคแรก ว่าจะมีพรรคใดถอนตัวหรือไม่ ? เพราะตอนนี้เมื่อไม่มี ภูมิใจไทย เสียงรัฐบาลจะเหลือเพียงแค่ 255 เสียง ถ้าพรรคเล็กสุดใน 3 พรรคที่ว่ามา คือ พรรคชาติไทยพัฒนา เพียงแค่ 10 เสียงออกไป ก็จะเหลือแค่ 245 ซึ่งครึ่งหนึ่ง คือ 248 เสียง ดังนั้นแค่พรรคเล็กสุดถอนตัวก็อยู่ไม่ได้แล้ว

หรือถ้าหากพรรคประชาชาติถอน หรือพรรคชาติไทยพัฒนาถอน ก็จะกลายเป็นเสียงข้างน้อยในทันที ทีนี้มาดูประชาธิปัตย์ก็ 25 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ แม้มีปัญหาอยู่ภายในแต่ตัวเลขทางการก็คือ 36 เสียง ดังนั้นพรรคใดพรรคหนึ่งถอนตัวรัฐบาลก็จะกลายเป็นเสียงข้างน้อย ก็นับเวลาในการถอยหลังทันที

ในสถานการณ์ที่หากแค่พรรคการเมืองเดียวถอนตัว แล้วจะล่ม มันจะเกิดในทางจิตวิทยา ก็ต้องหาทาง ต้องคุยกันว่าจะเอายังไงดี ซึ่งเชื่อเลยว่า ในการประชุมของแต่ละพรรค ไม่ใช่แค่ประชุมกันในพรรคเองเท่านั้น แต่เขาจะยกหูคุยกันด้วย แล้วก็เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยเองก็ต้องคุยกับพรรคเหล่านี้ด้วย เพราะอย่างที่บอก ถ้ามีแค่พรรคเดียวสละเรือกระโดดขึ้นฝั่ง ก็ล่มเลยตรงนี้ จึงเป็นอันตรายต่อพรรคเพื่อไทยและ นายกฯ แพทองธาร

“เว้นแต่มีพรรคใดพรรคหนึ่ง มีความชัดเจนแล้วว่าจะถอนตัว การคุยกันก็จะยากขึ้น แต่เชื่อได้เลยว่าพรรคเพื่อไทยเอง ก็ต้องเจรจา 3 พรรคนี้ แต่การแถลงของนายกฯ วันนี้ ก็อาจจะเอาไม่อยู่หรือไม่ ?”

ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

ยื้อสุดทาง ฉากทัศน์ยุบสภาเกิดขึ้นแน่ ?
ช้าหรือเร็วอยู่ที่ปัจจัยองค์กรอิสระ – ดีลการเมือง 

ผศ.ปริญญา ยังมองว่า การยุบสภาเกิดขึ้นแน่นอน แต่ประเด็นคำถามคือว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร เพราะจริง ๆ แล้วสภาฯ ชุดนี้ยังไงก็อยู่ไม่ครบอยู่แล้ว ในสถานการณ์แบบนี้ เพียงแต่ว่าการยุบสภาจะเกิดขึ้นเมื่อไร ตอนนี้วิธีการรัฐบาล คือ จะขออยู่ต่อ ยุบสภาไปว่ากันครั้งหน้า

ทั้งนี้หากสถานการณ์จะพาไปสู่จุดนั้น จะมาถึงเมื่อไร มีปัจจัยสำคัญ คือ องค์กรอิสระ ที่มักจะเรียกว่า นิติสงคราม โดยรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่วางกลไกให้มีการไปร้องการทำงานของนายกรัฐมนตรี ของรัฐมนตรี ซึ่งตอนนี้ก็มีแล้ว คือ สว.ในส่วนกรรมาธิการทหารฯ ก็ไปร้อง ป.ป.ช.ว่า มีการทำผิดจริยธรรม ซึ่งเรื่องมาตรฐานจริยธรรม ก็เขียนเอาไว้ในข้อ 5 และข้อ 6 ที่ไปร้องได้ ก็เป็นเรื่องของการต้องธำรงรักษาไว้ซึ่งบูรณภาพแห่งดินแดน อธิปไตย ผลประโยชน์ของประเทศชาติ รวมถึงเรื่องที่ต้องไปเอาประโยชน์ส่วนรวมมาพันกับประโยชน์ส่วนตัว 

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

“เปรียบเทียบ หากจำได้ เรื่องของคุณเศรษฐา เพียงแค่ไปทูลเกล้าฯ ชื่อ คุณพิชิต ชื่นบาน ซึ่งเคยต้องคดี แล้วจริง ๆ ก็คือรับโทษผ่านมาแล้วด้วย ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ยังโดนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเลยว่า ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทีนี้กลับมาที่กรณีคุณแพทองธาร ดูท่าจะหนักกว่า ดังนั้นเรื่องนี้ ป.ป.ช. ถ้าดำเนินเรื่องตามที่มีการร้องจะไปถึงศาลฎีกา แต่ถ้าหากเป็นอีกช่องทางหนึ่ง คือ ช่องทางที่คุณเศรษฐา และพลเอกประยุทธ์ ก็เคยโดนร้อง จะไปช่องทางของศาลรัฐธรรมนูญ อันนี้คือกรณีของ สส.หนึ่งใน 10 หรือ สว.หนึ่งใน 10 เข้าชื่อ ว่าง่าย ๆ คือ คุณแพทองธารต้องเข้าใจว่า เรื่องตรงนี้เข้ามาแน่นอนต้องเตรียมการแล้วว่า ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร”  

ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

ส่วนการเปลี่ยนตัวนายกฯ ก็ต้องมั่นใจว่ายังคุมเกมได้ ดังนั้นตัวแรกที่จะเป็นตัวเลือกดีที่สุดของพรรคเพื่อไทย คือ ชัยเกษม นิติศิริ แปลว่า ปรับ ครม. คราวนี้ก็เป็นเรื่องปรับทั้ง ครม.เลย คือ เปลี่ยนนายกฯ ไปเลย อันนี้คือเหมือนตอนที่ เศรษฐา พ้นตำแหน่งและ ทักษิณ ก็เรียกประชุมที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งยังเป็นรัฐบาลต่อไป นายกฯ ก็เปลี่ยนเป็น แพทองธาร ตอนนี้ก็ดูจะคล้ายกันแต่ว่ามันยากกว่า  

“เพราะสถานการณ์ตอนคุณเศรษฐา คนยังมองเป็น 2 ข้าง ว่าการกระทำเพียงแค่นี้ ถึงกับขนาดพ้นตำแหน่งเลยหรือศาลรัฐธรรมนูญตัดสินมากเกินไปหรือไม่ แต่คราวนี้คนรู้สึกว่าคุณแพทองธารผิด ดังนั้นการสนับสนุนจากเสียงของสาธารณะ ก็จะน้อยลงไป จึงแปลว่าเขาต้องบริหารวิกฤตการณ์ การตรึงพรรคร่วมที่เหลืออยู่ในรัฐบาล แต่อย่างที่บอกก็ต้องย้ำว่าหากพรรคใดพรรคหนึ่งออกไป ก็จบเลย” 

ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

เมื่อถามถึงไม้เด็ดที่เพื่อไทยยังคงจะเหลืออยู่ในการต่อรอง ผศ.ปริญญา ย้ำว่า มีอยู่ 2 อย่าง คือ เรื่องของกระทรวงใหญ่ พรรคร่วมจะได้กระทรวงที่ดีขึ้น หรือ ถ้าเขารับไม่ได้จริง ๆ ก็จะเจรจาในเรื่องของการเปลี่ยนตัวนายกฯ ต้องดูว่าการแถลงของนายกฯ วันนี้ ช่วยทำให้พรรคร่วมพอใจขนาดไหน ขั้นต่ำต้องมีการไปพูดคุยกันในพรรคร่วมแน่นอน ในการปรับ ครม. คราวนี้พรรคร่วมก็จะมีอำนาจต่อรองมากยิ่งขึ้น ถึงจะอยู่กันต่อ 

“หากคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยมองเกมเอาไว้ว่า ต้องการกระทรวงมหาดไทยกลับมาเพื่อจะได้ดูเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายองคาพยพต่าง ๆ ของกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่จังหวัดอำเภอลงไป ก็ต้องเป็นรัฐบาลอยู่ถึงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ถึงตอนที่จะจัดทำรายชื่อตำแหน่งทูลเกล้าฯ ดังนั้นพรรคเพื่อไทย ถ้าเป็นไปได้คุณทักษิณ ก็มีความพยายามที่จะให้พรรคเพื่อไทยอยู่ได้จนเกินเดือนสิงหาคม ประกอบกับ พ.ร.บ.งบฯ ฉบับใหม่ประกาศแล้ว ก็แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นที่มันทำลายคะแนนนิยมให้ได้ฟื้นขึ้นมาระดับหนึ่ง ก็พยายามที่จะยื้อให้นานที่สุดก็ต้องมีการบริหารจัดการว่าจะทำอย่างไรให้เดินหน้าไปได้ไกลที่สุด ที่จะทำให้อย่างน้อยที่สุด คือเดินหน้าไปถึงปลายปีให้ได้ ให้เกินเดือนตุลาคมให้ได้” 

ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

ปัญหาการเมือง ทำการแก้ปัญหาประชาชนชะงัก 

ผศ.ปริญญา ยังชี้ว่า กรณีปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ค่อนข้างชัดเจนว่า ปัญหาเรื่องการเมือง มาก่อนปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งจริง ๆ มีหลายกรณีต้องได้รับการแก้ไขแล้วรัฐบาลก็อยู่มาตั้ง 2 ปีกว่าแล้ว ไม่ใช่รัฐบาลใหม่ ยกตัวอย่าง กรณีปัญหาที่ดิน น.ส.ล.ทับชุมชนชาวไทดำ จ.สุราษฎร์ธานี ที่เดิม ทรงศักดิ์ ทองศรี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดจะลงพื้นที่ชุมชนไทดำ ในวันที่ 20 มิ.ย. 68 แต่ต้องยกเลิกทันที เพราะลาออกจากตำแหน่งกันทั้งพรรคและถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล 

“แต่เรื่องนี้ความจริงแล้ว กลไกต่าง ๆ ของกระทรวงมหาดไทยที่เป็นราชการประจำ ก็ควรที่จะมีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอยู่แล้ว ไม่ต้องรอฝ่ายนโยบายหรือรัฐมนตรีมาบอกหรือมาสั่ง แต่เรื่องนี้ก็เป็นการสะท้อนอีกครั้ง ว่า ความเดือดร้อนของประชาชน มันอาจจะเป็นเรื่องมาทีหลังการเมือง อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องคิดต่อว่าเราจะทำอย่างไรให้ปัญหาต่าง ๆ ของประชาชน ได้รับการแก้ไข และไม่จบไปพร้อมกับรัฐบาล”  

ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

ผศ.ปริญญา บอกด้วยว่า กลไกข้าราชการก็ต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนให้ได้มากขึ้นด้วย กลไกการเมืองหรือแม้แต่กลไกต่าง ๆ ที่มาจากการเลือกตั้งด้วย ก็จะเป็นบทเรียนให้กับประชาชนด้วยว่า ในตอนที่มีการหาเสียงไว้ กับตอนที่เข้ามาเป็นรัฐบาลจริง ๆ เป็นอย่างไร ก็คือการยกระดับ เพราะการเลือกตั้ง ก็น่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ จะช้าจะเร็ว หรือถ้าเป็นการเปลี่ยนตัวนายกฯ เป็น ชัยเกษม ก็อาจจะอยู่ถึงปีหน้า แต่เส้นทางการเลือกตั้งก็ไม่ไกลแล้ว และการเลือกตั้งก็จะมีก่อนวาระ ก็ไม่นาน คาดว่าปลายปีหรือต้นปีหน้า

ดังนั้นการเลือกตั้งและการแถลงหาเสียงของรัฐบาล คือกระบวนการที่พรรคการเมืองทำสัญญาประชาคมกับประชาชนเอาไว้ และผลของการทำสัญญาประชาคม คือนโยบายของรัฐบาลที่ลงมือทำ เมื่อเลือกตั้งใหม่ ก็มาแถลงว่าทำอะไรไปบ้าง กระบวนการนี้ ถ้าทำต่อเนื่องไป มันคือการทำให้ประชาชน สามารถกำหนดนโยบายของประเทศได้ เมื่อหาเสียงก็ต้องทำ เราจึงเป็นคนกำหนดนโยบายให้กับรัฐบาลนั่นเอง โดยผ่านการเลือกตั้ง 

“ดังนั้นสิ่งสำคัญคือประชาชนจะต้องติดตามการตรวจสอบ และเมื่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป ก็ต้องใช้การตรวจสอบว่า แต่ละพรรคได้สัญญาอะไรไป ทำอะไรไปแล้วบ้าง นั่นคือกระบวนการที่ทำให้ประชาชน เป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง อันนี้พูดในเชิงหลักการ หมายความว่ารัฐบาลมีเวลาเหลืออยู่ ก็ต้องทำหน้าที่นี้ในเวลาที่เหลืออยู่อย่างเต็มกำลังอะไรที่หาเสียงไว้ก็ต้องเอามาทำ” 

ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

นักนิติศาสตร์ ยังย้ำด้วยว่า จริง ๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องของฝ่ายค้านด้วย ฝ่ายค้านก็สามารถที่จะสร้างผลงานได้ ระบบนี้ที่พูดไปทั้งหมด ทำให้เกิดการแข่งขันกันของทุกพรรคการเมือง จะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านในการทำงานให้กับประชาชนตามที่หาเสียงไว้ ดังนั้นต้องหาเสียงให้ประชาชนเลือก ด้วยผลงานของเขา

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active