กรมประมงตรวจปลาปนเปื้อนแม่น้ำกก-สาย คุมเข้มความปลอดภัยอาหาร

กรมประมงเดินหน้าตรวจสอบสารปนเปื้อนในสัตว์น้ำจากแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย อย่างเข้มข้น ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยง จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย 4 จุด ตั้งแต่ ชายแดนไทย–พม่า ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ไปจนถึง อ.เมือง และ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เพื่อประเมินผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน และยกระดับความปลอดภัยทางอาหาร

วันนี้ (31 พ.ค. 2568) จากวิกฤตปัญหามลพิษในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายในขณะนี้ ฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในฐานะที่เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการดูแลความปลอดภัยทางด้านอาหาร และการบริหารจัดการทรัพยากรประมง  จึงได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กองวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด กองวิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำ กองตรวจสอบคุณภาพสินค้าประมง รวมถึงหน่วยงานในระดับพื้นที่ ได้แก่ สำนักงานประมงจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย ร่วมติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด นับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2568 ที่พบว่าลำน้ำทั้ง 2 สาย มีความขุ่นมากกว่าปกติ ทั้งในด้านสุขภาพของสัตว์น้ำ และสารปนเปื้อนในสัตว์น้ำพร้อมรายงานผลการตรวจวิเคราะห์เป็นระยะ

ภาพจาก กรมประมง

ฐิติพร กล่าวว่า จากการเก็บตัวอย่าง “ปลาแค้” ที่มีตุ่มแดงมาตรวจวินิจฉัยโรค พบมีปรสิตกลุ่มไดจีน และพบเชื้อแบคทีเรียที่ตุ่มเนื้องอก แต่ไม่พบในอวัยวะภายใน และยังไม่พบเชื้อไวรัส นอกจากนี้ ยังได้มีการตรวจวิเคราะห์สารปนเปื้อนจากการเก็บตัวอย่างทั้งปลากินพืช เช่น ปลาสร้อย ปลาซ่า และปลากินเนื้อ เช่น ปลาค้าว ปลากด จำนวน 3 ครั้ง พบว่าโลหะหนักซึ่งเป็นสารปนเปื้อน “ยังอยู่ในระดับที่ไม่เกินค่ามาตรฐาน”

โดยกรมประมง ได้เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจติดตามและเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำในแม่น้ำสายและแม่น้ำกกข้ามพรมแดน ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงทั้งใน จ.เชียงใหม่ และ เชียงราย ดังนี้

จุดสำรวจบริเวณจังหวัดเชียงราย ได้แก่

  • จุดสำรวจที่ 1 บ้านโป่งนาคำ ขึ้นไปถึง แคววัวดำ ต.ดอยฮาง อ.เมือง (CR1)
  • จุดสำรวจที่ 2 สะพานแม่ฟ้าหลวงบริเวณหน้าศาลากลางถึงฝายเชียงราย (CR2)
  • จุดสำรวจที่ 3 หลังวัดสันธาตุ ถึง สบกก ต.โยนก อ.เชียงแสน (CR3)

จุดสำรวจบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่

  • จุดสำรวจที่ 1 ชายแดนไทย-พม่า หย่อมบ้านแก่งตุ๋ม ต.ท่าตอน อ.แม่อาย (CM1) ในช่วงเดือน พ.ค. ถึง ก.ย. 2568 เดือนละ 2 ครั้ง ทุกสัปดาห์ที่ 1 และสัปดาห์ที่ 3 ต่อเนื่องทุกเดือน

ฐิติพร ระบุว่า จะดำเนินการรวบรวมเก็บตัวอย่างสัตว์น้ำที่ได้จากชาวประมง แพปลา และเจ้าหน้าที่กรมประมงทำการสุ่มเก็บด้วยตนเอง พร้อมจัดแบ่งประเภทสัตว์น้ำที่เก็บตัวอย่าง ทั้งชนิดที่เป็นปลากินพืช และปลากินเนื้ออย่างน้อยชนิดละ 1 กิโลกรัม ในแต่ละจุดสำรวจ พร้อมทำการบันทึกภาพ บันทึกความยาวและน้ำหนักเป็นรายตัว  ทั้งนี้ สัตว์น้ำที่เก็บตัวอย่างมาจะถูกตรวจหาการปนเปื้อนของสารพิษที่สำคัญ 4 ชนิด ได้แก่ สารหนู (As), ปรอท (Hg), ตะกั่ว (Pb) และแคดเมียม (Cd) ผ่านบริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) นอกจากนี้ ยังมีการตรวจหาเชื้อแบคทีเรียวิทยา ไวรัสวิทยา และพยาธิวิทยา เพื่อวินิจฉัยโรคเบื้องต้นในห้องปฏิบัติการของกองวิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำ กรมประมง อีกด้วย

ฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง

“แม้ว่าผลการตรวจวิเคราะห์สัตว์น้ำตัวอย่างในขณะนี้ จะยังอยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อการบริโภค แต่ขอแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการบริโภคสัตว์น้ำที่จับได้จากแม่น้ำสายและแม่น้ำกกในระยะนี้ไปก่อน”
ฐิติพร หลาวประเสริฐ

ฐิติพร กล่าวทิ้งท้ายว่า กรมประมงจะยังคงดำเนินการตรวจสอบและเฝ้าระวังสารปนเปื้อนในสัตว์น้ำตามแผนปฏิบัติการเฉพาะกิจที่วางไว้ เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และย้ำว่า สัตว์น้ำที่จำหน่ายเพื่อบริโภคส่วนใหญ่มาจากระบบการเพาะเลี้ยง ซึ่งไม่ได้ใช้น้ำจากแม่น้ำสายและแม่น้ำกก ดังนั้น พี่น้องประชาชนจึงสามารถมั่นใจในการบริโภคสัตว์น้ำได้อย่างปลอดภัย

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active