“สมศักดิ์” รับ “ผลสรุปรับฟังความคิดเห็นผู้ให้บริการ-ผู้รับบริการในระบบบัตรทอง 2568 เสนอพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วย เชื่อมข้อมูลสุขภาพ พร้อมปรับระบบแยกเงินเดือนบุคลากรออกจากงบเหมาจ่ายรายหัว เพิ่มเพดานการจ่ายชดเชยตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (AdjRW) เป็น 12,000 บาท
วันนี้ (30 มิ.ย. 68) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกับ Thai PBS จัดประชุม “การรับฟังความคิดเห็นโดยทั่วไปจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระดับประเทศ ประจำปี 2568” (ครั้งที่ 22) ในรูปแบบเวทีสาธารณะ ให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนออย่างครอบคลุม รวมถึงการขับเคลื่อนนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ สู่การพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หลัง สปสช. ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นฯ ครบ 13 เขตพื้นที่และบูรณาการร่วมกับงานประจำ
สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เป็นผู้รับผลสรุปการรับฟังความคิดเห็นฯ พร้อมระบุว่า ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเกิดขึ้นจากความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องการให้คนไทยทุกคนมีหลักประกันในการเข้ารับการรักษาพยาบาล โดยที่ประชาชนต้องไม่ยากจนหรือล้มละลายเพียงเพราะความเจ็บป่วย
รัฐบาลปัจจุบันภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร มีนโยบายที่จะยกระดับหลักประกันสุขภาพ จาก 30 บาท รักษาทุกโรค ให้เป็น 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อให้คนไทยเข้าถึงระบบบริการสุขภาพที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ลดเวลา ค่าใช้จ่าย และสามารถรองรับความต้องการใหม่ ๆ จากสถานการณ์สังคมสูงวัย


“เวทีรับฟังความคิดเห็นทั่วไปในครั้งนี้ จะสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ซึ่งให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เชื่อว่าความคิดเห็นและข้อเสนอที่เป็นประโยชน์จากการประชุมในครั้งนี้ จะนำไปพัฒนาต่อยอดระบบบัตรทองให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการขับเคลื่อนนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ ตรงตามความต้องการของประชาชนในฐานะเจ้าของหลักประกันสุขภาพ” รมว.สาธารณสุข กล่าว
ด้าน ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี ประธานคณะอนุกรรมการสื่อสารสังคมและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ให้และผู้รับบริการสาธารณสุข ในฐานะเป็นประธานเปิดการประชุมฯ กล่าวว่า การจัดรับฟังความเห็นฯ ในปีนี้ สปสช. ได้ดำเนินการจัดการรับฟังอย่างครอบคลุมทุกมิติและทุกช่องทาง นอกจากการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นฯ ครบทั้ง 13 พื้นที่และได้ส่งมอบผลสรุปรับฟังความคิดเห็นฯ รวมจำนวน 638 ข้อ แล้ว ยังได้บูรณาการเข้ากับงานประจำทำให้ได้ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่สะท้อนปัญหาและอุปสรรคต่างๆ จากมุมมองจากภาคส่วนต่างๆ อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ สปสช. ภายใต้การกำกับของคณะอนุกรรมการสื่อสารฯ จะทำการรวบรวมสรุป โดยรวมกับผลความคิดเห็นที่ได้จากเวทีระดับประเทศในวันนี้ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการกลั่นกรองตามขั้นตอน เพื่อนำเสนอต่อบอร์ด สปสช. พิจารณาต่อไป อันนำไปสู่การพัฒนาระบบที่ยั่งยืนจากการมีส่วนร่วมโดยการรับฟังความคิดเห็นฯ นี้ ที่เป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนระบบบัตรทอง
ด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า จากกระบวนการรับฟังความคิดเห็นฯ ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ซึ่งเป็นการจัดเวทีใหญ่ระดับประเทศ และปีนี้ยังเปิดเป็นเวทีสาธารณะ ที่ สปสช. ได้ร่วมกับ Thai PBS ทำให้มีข้อเสนอที่น่าสนใจอย่างมากมาย ครอบคลุมในหลายมิติ โดยครบถ้วนประเด็นทั้ง 4 ด้าน
สำหรับข้อเสนอและความคิดเห็นฯ ทั้งหมด 4 ด้าน ประกอบด้วย
- ด้านประเภทและขอบเขตบริการ: มีข้อเสนอให้เพิ่มสิทธิประโยชน์ที่จำเป็น อาทิ ขยายการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย HPV DNA ให้เริ่มที่อายุ 25 ปี, เพิ่มการคัดกรองมะเร็งปอดในกลุ่มเสี่ยง, เพิ่มยาจำเป็นหลายรายการ และสิทธิประโยชน์ฮอร์โมนเพื่อการยืนยันเพศ เป็นต้น
- ด้านมาตรฐานบริการ: มีข้อเรียกร้องให้กำกับคุณภาพมาตรฐานของหน่วยบริการเอกชน, เร่งรัดการพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยให้ชัดเจน และเสนอให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ (Health Link) ของหน่วยบริการทุกแห่งทั่วประเทศ เป็นต้น
- ด้านการบริหารจัดการกองทุน: ข้อเสนอสำคัญคือการเสนอให้แยกเงินเดือนบุคลากรออกจากงบเหมาจ่ายรายหัว , ปรับเพิ่มเพดานการจ่ายชดเชยตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (AdjRW) เป็น 12,000 บาท และเพิ่มงบประมาณสนับสนุนกองทุนสุขภาพท้องถิ่น (กปท.) และกองทุนดูแลระยะยาว (LTC) เป็นต้น
- ด้านการรับรู้และคุ้มครองสิทธิ: มีการเสนอให้เผยแพร่ความรู้เรื่องสิทธิในสถานศึกษา, แก้ไขปัญหาการเรียกเก็บเงินจากผู้รับบริการอย่างเป็นระบบ, สนับสนุนศูนย์คุ้มครองสิทธิภาคประชาชน และจัดทำสื่อที่รองรับความต้องการของคนพิการ เป็นต้น
“ความคิดเห็นและข้อเสนอต่าง ๆ ที่ได้รับในวันนี้คงเกิดขึ้นไม่ได้ หากขาดความร่วมมือจากทุกๆ ภาคส่วน ที่เป็นกลไกสำคัญ ซึ่งในนามของ สปสช. ต้องขอขอบคุณทุก ๆ ความคิดเห็น และทุกๆ ข้อเสนอแนะที่ได้รับ ซึ่งหลังจากได้รับมอบจากท่านประธานบอร์ด สปสช. แล้ว ทางสำนักงานฯ จะเร่งนำเข้าสู่กระบวนการเพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติต่อไป” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด สปสช. ต่อไป
ขณะที่ช่วงบ่าย ในเวที “Policy Forum ครั้งที่ 43 : Move On ‘บัตรทอง’ ไปต่อ ไม่ติดหล่ม” ได้ร่วมกันวิเคราะห์ทางออก “บัตรทอง” จะไปต่ออย่างไร เมื่อปัญหาเดิมยังวนซ้ำไม่จบ ? โดยเปิดพื้นที่รับฟังความคิดเห็น ทั้งจากผู้ให้บริการภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเอกชน รวมถึงผู้รับบริการ สำหรับผู้ให้บริการภาครัฐ
หลัง สปสช. ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นฯ ครบ 13 เขตพื้นที่และบูรณาการร่วมกับงานประจำ พร้อมจัดเวทีระดับประเทศ ร่วมกับ Thai PBS เปิดเวทีสาธารณะ ระดมความเห็นทุกภาคส่วน ครบถ้วน 4 ด้าน โดยจัดเวที “Policy Forum ครั้งที่ 43 : Move On ‘บัตรทอง’ ไปต่อ ไม่ติดหล่ม” เพื่อรับฟังความคิดเห็นประเภทและขอบเขตบริการ มาตรฐานบริการ บริหารจัดการกองทุน และคุ้มครองสิทธิ เตรียมสู่กระบวนการกลั่นกรองและนำเสนอบอร์ด สปสช. พิจารณา มุ่งพัฒนาหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ยั่งยืน
โดยมี สรุปร่วมกันว่า บัตรทองต้องไปต่อแต่ต้องมีความยั่งยืน ซึ่งต้องพัฒนาระบบงบประมาณ ให้เกิดความยุติธรรม เท่าเทียม
ฝั่งผู้รับบริการเสนอ ให้ สปสช. พัฒนาระบบการเข้าถึง การบริการ ทั้งในเรื่อง ยา, นวัตกรรมใหม่ในทุกมิติและได้เร็วขึ้น เพราะยังพบว่ามีผู้ป่วยบางกลุ่ม เช่น กลุ่มโรคหายากยังเข้าไม่ถึงการให้บริการ
นอกจากนี้อยากให้แก้ปัญหาระบบส่งต่อต้องง่ายไม่ซับซ้อน เพราะ ปัจจุบันเป็นปัญหากับผู้ป่วย เพราะทำให้เดินทางไปถึงหน่วยบริการ แต่ถูกจำกัดจำนวน ทำให้เสียเวลา ทำอย่างไรถึงจะขั้นตอนซับซ้อนดังกล่าว
ส่วนเรื่องของ สิทธิประโยชน์ใหม่ที่เกิดขึ้นใช้ได้จริงหรือไม่ อยากให้มีการประเมินว่าใช้ได้จริหรือไม่ เช่น การใช้บัตรประชาชนใบเดียว มะเร็งรักษาทุกที่ ซึ่งใช้ไม่ได้จริง ดังนั้นจึงอยากให้สิทธิประโยชน์ใหม่ ๆ สามารถใช้ได้จริง รวมถึงอยากให้ประเมินว่า สิทธิประโยชน์ที่ออกไปสามารถใช้ได้จริงหรือไม่
