รับสภาพ โรงพยาบาลชายแดน เผชิญภาระหนัก ท่ามกลางทรัพยากรที่มีไม่เพียงพอ เสนอตั้งหน่วยงานเฉพาะเพื่อดูแลผู้ลี้ภัย ประชากรนอกระบบ ในระยะยาว แบ่งเบาภาระโรงพยาบาลท้องถิ่น พร้อมวางแผนร่วมกันระหว่างรัฐ กับองค์กรระหว่างประเทศ
จากกรณีนโยบาย Executive Order ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มีนโยบายให้ตัดงบประมาณช่วยเหลือต่างประเทศ ทันที 90 วัน ส่งผลถึงการดูแลผู้ลี้ภัย และผู้อพยพบริเวณแนวชายแดนไทย ซึ่งทำให้งานด้านสาธารณสุขในค่ายผู้ลี้ภัย และผู้อพยพจำนวนมาก ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงนั้น
ล่าสุด วันนี้ (28 ม.ค. 68) นพ.ธวัชชัย ยิ่งทวีศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าสองยาง เปิดเผยกับ The Active ว่า กังวลผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการยุติความช่วยเหลือทางการเงินของสหรัฐฯ ต่อ NGO ในพื้นที่ โดยเฉพาะองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ลี้ภัย เช่น IRC (International Rescue Committee) ซึ่งเคยทำหน้าที่ประสานงานส่งต่อผู้ป่วยจากแคมป์ผู้ลี้ภัยไปยังโรงพยาบาลหลัก เช่น โรงพยาบาลแม่สอด และแม่ระมาด
“เมื่อองค์กรเหล่านี้ต้องหยุดปฏิบัติการ เช่น กรณีของ IRC ที่พนักงานจะทำงานได้ถึงวันที่ 31 มกราคมนี้ ปัญหาการส่งต่อผู้ป่วยโดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการดูแลเฉพาะทางจะตกมาอยู่กับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เช่น โรงพยาบาลท่าสองยางโดยตรง ซึ่งผู้ป่วยที่ยังเหลือในแคมป์ ได้แก่ กลุ่มที่ต้องใช้ออกซิเจน หรือผู้ป่วยหนักบางราย ซึ่งหากไม่มีการประสานงานที่ดี โรงพยาบาลในพื้นที่จะต้องรับหน้าที่ดูแลทั้งหมดโดยไม่มีทรัพยากรเพียงพอ”
นพ.ธวัชชัย ยิ่งทวีศักดิ์
นพ.ธวัชชัย บอกด้วยว่า ล่าสุด สสจ.ตาก ได้สั่งการให้โรงพยาบาลท่าสองยาง เข้าไปดำเนินการคัดกรอง และประเมินผู้ป่วยในแคมป์ โดยแบ่งกลุ่มผู้ป่วยตามความรุนแรงของอาการ (เช่น การใช้ระบบแยกสี) รวมถึงจัดตั้งจุดตรวจสุขภาพแบบผู้ป่วยนอก (OPD) ในพื้นที่
“เราวางแผนว่าจะเข้าไปดำเนินการใน 1-2 วันนี้ เพื่อดูว่าเคสใดที่ต้องส่งต่อมาโรงพยาบาล หรือเคสใดที่สามารถกลับบ้านได้ แต่การดำเนินการเหล่านี้ต้องมีความพร้อมทั้งบุคลากรและทรัพยากร ซึ่งยังคงเป็นความท้าทายสำหรับเรา”
นพ.ธวัชชัย ยิ่งทวีศักดิ์
รพ.ชายแดน หวั่นภาระหนัก ทรัพยากรไม่เพียงพอ ดูแลผู้ลี้ภัยเจ็บป่วย
นพ.ธวัชชัย ยังยอมรับด้วยว่า ทรัพยากรในโรงพยาบาลท่าสองยางยังคงจำกัด ทั้งในแง่บุคลากร และอุปกรณ์ทางการแพทย์ การดูแลผู้ป่วยที่อาจเพิ่มขึ้นจากจำนวนประชากรในแคมป์ โดยเฉพาะ แคมป์แม่หละ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ อ.ท่าสองยาง มีกว่า 30,000 คน (ตามข้อมูลของ กระทรวงมหาดไทย) อาจสร้างภาระหนักสำหรับโรงพยาบาลที่มีขนาดเล็กเช่นนี้
นพ.ธวัชชัย ยังเสนอว่า ในระยะยาวควรมีการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะเพื่อดูแลผู้ลี้ภัยและประชากรที่อยู่นอกระบบ เพื่อแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลท้องถิ่น นอกจากนี้ควรมีการวางแผนร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐ เช่น กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงการประสานงานกับองค์กรระหว่างประเทศ
“หากไม่มีการจัดการเชิงระบบในระยะยาว ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการยุติความช่วยเหลือครั้งนี้ จะส่งผลกระทบทั้งต่อผู้ลี้ภัยและโรงพยาบาลในพื้นที่โดยตรง การยุติความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ไม่เพียงกระทบ IRC แต่ยังส่งผลต่อ NGO อื่น ๆ เช่น ศูนย์สุขภาพของ Dr. Cynthia Maung (หมอซินเทีย) และองค์กรด้านการพัฒนาระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่พึ่งพาแหล่งทุนจากต่างชาติ จึงคาดว่าหลายองค์กรในพื้นที่ที่ได้รับทุนสนับสนุน จากสหรัฐฯ จะต้องปรับตัวหรือยุติบางกิจกรรม”
นพ.ธวัชชัย ยิ่งทวีศักดิ์
สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นนั้น สำนักข่าวชายขอบ รายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 68 เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. มีประกาศประกาศคณะกรรมการผู้ลี้ภัยกะเหรี่ยงค่ายแม่หละ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก แจ้งถึงประชาชนที่อยู่ในค่ายแม่หละทุกคน โดยระบุว่า เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค. 68 เป็นต้นไป การสนับสนุนด้านสาธารณสุขขององค์กร International Rescue Committee (IRC) เกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยจะไม่มีอีกต่อไป ทั้งสตรีมีครรภ์ สตรีมีลูกเล็ก ผู้ป่วยอาการหนัก ผู้ป่วยฉุกเฉิน ผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้ป่วยวัณโรค ผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ทางโรงพยาบาลไม่สามารถให้บริการได้อีกต่อไป เนื่องจากไม่มีเจ้าหน้าที่แผนกผู้ป่วยนอก (OPD) และ เจ้าหน้าที่แผนกผู้ป่วยใน (IPD) ปฏิบัติงานแล้ว และขอแจ้งให้ผู้ประกอบการขายยาในค่าย ห้ามขึ้นราคาค่ายาที่จำหน่าย ขอให้จำหน่ายตามราคาปกติที่เคยขาย สำหรับโรงพยาบาลของ IRC จะเปิดให้บริการได้อีกเมื่อไหร่ยังไม่ทราบถึงรายละเอียดที่แน่ชัด
ทั้งนี้การประกาศระงับความช่วยเหลือของ IRC ครั้งนี้ เนื่องจากถูกระงับความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ภายหลังจากการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รอบสอง
ขณะที่ สำนักข่าวกะเหรี่ยง Karen Information Centre (KIC) รายงานข่าวโดยอ้างคำสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในค่ายผู้ลี้ภัยนุโพ อ.อุ้มผาง จ.ตาก ว่า บริการสาธารณสุขในค่ายผู้ลี้ภัยที่ตั้งอยู่บนชายแดนไทย-พม่า ถูกระงับแล้วตั้งแต่เช้าวันนี้ (27 ม.ค. 68) เนื่องจากสหรัฐอเมริกาได้ระงับการให้เงินทุนแก่คณะกรรมการกู้ภัยระหว่างประเทศ (IRC) เป็นเวลา 90 วัน ซึ่งหมายความว่าบริการด้านสุขภาพภายใต้องค์กร IRC ก็ถูกระงับชั่วคราวเช่นกัน
การระงับบริการดังกล่าวทำให้ผู้ป่วยทั้งหมดยกเว้นผู้ป่วยฉุกเฉินที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในค่ายผู้ลี้ภัย ต้องออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่เช้านี้แล้ว และไม่มีการรับผู้ป่วยนอกอีกต่อไป ซึ่งปฏิบัติการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมบางส่วนภายใต้ USAID บนชายแดนไทย-พม่าถูกระงับแล้ว หลังจากที่ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อระงับความช่วยเหลือระหว่างประเทศภายในไม่กี่วันหลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
ข้อมูลจาก สำนักข่าวชายขอบ บอกอีกว่า ปัจจุบันบริเวณชายแดนไทยมีพื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยการสู้รบ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ค่ายผู้ลี้ภัย อยู่ 9 ค่าย มีผู้ลี้ภัยอยู่ราว 90,000 คน ภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทย โดยทั้งหมดได้รับความช่วยเหลือด้านงบประมาณจากสหรัฐฯ และประเทศตะวันตก ซึ่งค่ายเหล่านี้ ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับผู้หนีภัยจากประเทศเมียนมา เมื่อกว่า 30 ปีก่อน