เครือข่ายผู้ป่วยฯ ขีดเส้น 30 วัน จี้ ‘สมศักดิ์’ จบปัญหา ใบส่งตัว กทม.

ชี้เป็นอุปสรรคผู้ป่วยบัตรทองไม่จบสิ้น ขอให้จัดการชัดเจน พร้อมกำหนดมาตรการลงโทษหน่วยบริการที่ไม่ยอมออกใบส่งตัว กำหนดเงื่อนไขเกินขอบเขต

เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 68 ก่อนการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เครือข่ายภาคประชาชน เขต 13 กรุงเทพมหานคร นำโดย ธนพลธ์ ดอกแก้ว นายกสมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยตัวแทนจากเครือข่ายศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชน เครือข่ายศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง และเครือข่ายผู้ป่วยเรื้อรัง ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. เพื่อเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาการใช้ใบส่งตัวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเข้าถึงบริการของผู้ป่วยบัตรทอง แม้จะมีนโยบาย “บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่” ก็ตาม โดยรัฐมนตรีฯ เป็นผู้รับหนังสือด้วยตนเอง

ธนพลธ์ บอกว่า แม้ในขณะนี้จะมีการถกเถียงกันเรื่องการจัดสรรค่าบริการเหมาจ่ายรายหัวระหว่าง สปสช. กับหน่วยบริการ แต่ปัญหาเรื่อง ใบส่งตัวยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะมีการปรับวิธีจ่ายค่าบริการอย่างไรากยังไม่จัดการกับปัญหานี้อย่างจริงจัง ประชาชนก็ยังคงประสบความลำบาก โดยเฉพาะเมื่อจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในระดับที่เกินศักยภาพของหน่วยบริการปฐมภูมิ เช่น การส่งต่อจากโรงพยาบาลประจำ ไปยังโรงพยาบาลทุติยภูมิหรือตติยภูมิ ซึ่งหลายแห่งยังคงยืนยันขอเอกสารใบส่งตัวก่อนให้บริการ ทำให้การรักษาล่าช้า บางรายอาการทรุดลงเพราะไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้ทันเวลา

“นี่คือปัญหาเร่งด่วนที่บอร์ด สปสช. ต้องรีบดำเนินการโดยไม่ชักช้า เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายที่ประกาศไว้ เราจึงเสนอให้มีมาตรการลงโทษหน่วยบริการที่ไม่ออกใบส่งตัว หรือกำหนดเงื่อนไขเกินความจำเป็น ซึ่งสร้างความเสียหายหรือความล่าช้าในการรักษา

ธนพลธ์ ดอกแก้ว

เครือข่ายภาคประชาชนได้นำเสนอข้อเรียกร้อง 6 ข้อ เพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้

  1. ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะประธานบอร์ด สปสช. เร่งกำกับติดตามการดำเนินงานของสำนักงาน สปสช. โดยกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาใบส่งตัวให้ชัดเจนและแล้วเสร็จภายใน 30 วัน

  2. ตั้งคณะทำงานจากหลายภาคส่วนเพื่อร่วมกันพิจารณาข้อเสนอในการแก้ปัญหาใบส่งตัว โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

  3. กำหนดบทลงโทษต่อหน่วยบริการที่ไม่ออกใบส่งตัว หรือกำหนดเงื่อนไขที่เกินขอบเขต ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงบริการของประชาชน โดยให้อาศัยอำนาจตามมาตรา 57 และ 59 ของกฎหมาย พร้อมเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ

  4. ขอให้ สปสช. จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ พร้อมมอบประกาศนียบัตรหรือคำชมเชยแก่หน่วยบริการที่ปฏิบัติตามระเบียบอย่างเหมาะสม รวมถึงจัดสรรงบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติม เพื่อเป็นแรงจูงใจในการปรับปรุงการให้บริการ

  5. ทบทวนกลไกการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในระบบหน่วยบริการ โดยให้เครือข่ายประชาชนเข้ามาติดตามพฤติกรรมการให้บริการของหน่วยงาน และกำหนดให้เป็นเกณฑ์คุณภาพ (QOF) ที่จูงใจให้หน่วยบริการปรับปรุงการทำงาน

  6. ผลักดันนโยบาย “บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่” ให้เกิดขึ้นจริงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยไม่ให้ใบส่งตัวเป็นอุปสรรคอีกต่อไป

ทั้งนี้ ในหนังสือข้อเรียกร้อง ยังระบุเพิ่มเติมว่า ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะประธานบอร์ด สปสช. ออกคำสั่งหรือมีมติเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวโดยทันที พร้อมกันนี้ เครือข่ายภาคประชาชนจะติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด และขอให้สำนักงาน สปสช. ส่งหนังสือตอบกลับภายใน 15 วันนับจากวันยื่นเรื่อง

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active