เพิ่มคำนิยาม ‘พยายามฆ่าตัวตาย’…มากกว่าสถิติ คือ ‘สัญญาณ’ ที่ต้องหาให้เจอ

ปี 2567 คนไทยฆ่าตัวตาย สำเร็จ 5,126 คน

สถิติที่ กรมสุขภาพจิต รายงานเป็นประจำทุกปี หากนับตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 กราฟแนวโน้มดูเหมือนจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ ปี 2565 เพิ่มขึ้นจาก 7.26 เป็น 7.94 ต่อประชากรแสนคน เฉลี่ยมีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย ปีละกว่า 5,000 คน หรือวันละ 14 คน

แม้การนำเสนอข้อมูลผ่านชุดตัวเลข กราฟสถิติที่พุ่งสูงขึ้น จะง่ายต่อการสื่อสารสู่สาธารณะ แต่ในทางสังคมศึกษา ข้อมูลมหาศาลเหล่านี้ อาจส่งผลต่อการรับรู้ในระดับบุคคล เกิดเป็นความด้านชา จนยากที่จะจินตนาการถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นทางสังคม หรือการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา

อีกทั้งกรมสุขภาพจิตยังพบข้อจำกัดในการลงรหัสโรค ความรู้ด้านการฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะเหตุปัจจัยการฆ่าตัวตายของคนไทยมีน้อย ระบบเฝ้าระวังการฆ่าตัวตายระดับจังหวัดยังไม่เป็น active surveillance และไม่ไวทันต่อปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงทำให้ขาดประสิทธิภาพในการป้องกันควบคุมปัญหา

สำหรับข้อมูลสำคัญอย่างปัจจัยในการพยายามฆ่าตัวตาย The Active พบข้อมูลว่า ประเทศเทศไทยเพิ่งจะนิยามคำว่า พยายามฆ่าตัวตาย ชัดเจน เมื่อปี 2566 โดย ศูนย์ป้องกันการฆ่าตัวตายแห่งชาติ โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต เพื่อใช้ประกอบการนำเสนอควบควบคู่ไปกับข้อมูลเชิงสถิติ ที่จะมีส่วนในการลดอัตราผู้เสียชีวิต รวมถึงออกนโยบาย มีงบประมาณในการทำงานเชิงรุกในการจับสัญญานก่อนป่วยทางใจของประชาชน โดยให้นิยามว่า

“การพยายามฆ่าตัวตาย” หมายถึง การกระทำที่บุคคลตั้งใจกระทำด้วยความมุ่งมั่นที่จะจบชีวิตของตนเอง แต่การกระทำนั้นไม่ส่งผลให้เสียชีวิต อาจเกิดจากการหยุดชะงักของกระบวนการนั้น การถูกช่วยเหลือทันเวลา หรือผลลัพธ์ที่ไม่รุนแรงเท่าที่ตั้งใจไว้

หากเปรียบเทียบจากรายงานสถานการณ์การฆ่าตัวตายในประเทศไทยจะพบว่า ปี 2565 อัตราการฆ่าตัวตายของคนไทยมีรายงานอยู่ที่ 7.75 ต่อแสนประชากร แต่ยังขาดข้อมูลอื่น ๆ เช่น ปัจจัยการกระตุ้น, จำนวนผู้พยายามฆ่าตัวตาย, ช่วงอายุที่มากที่สุด ที่เป็นข้อมูลผ่านการสอบสวนโรคอย่างชัดเจน

ต่อมาในปี 2566 เป็นปีแรกที่ศูนย์ป้องกันการฆ่าตัวตายแห่งชาติ รายงานสถิติพร้อมปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ที่ทำให้เห็นแนวโน้มสถานการณ์ การพยายามฆ่าตัวตาย และ ฆ่าตัวตายสำเร็จ ที่ชัดเชนมากขึ้น พบสถิติที่น่าสนใจถึงความพยายามฆ่าตัวตายมีแนวโน้มสูงขึ้นมาโดยตลอด

ปี 2566

  • ฆ่าตัวตายสำเร็จ อัตรา 8 ต่อแสนประชากร (5,206 คน)

  • จังหวัดที่มีอัตราฆ่าตัวตายสูงที่สุด : แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, เชียงราย

  • ผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป ฆ่าตัวตายสำเร็จมากที่สุดอัตรา 10.15 ต่อแสนประชากร

  • พยายามฆ่าตัวตาย อัตรา 47.74 ต่อแสนประชากร (31,110 คน)

  • กลุ่มอายุ 15-19 ปี พยายามฆ่าตัวตายมากที่สุดอัตรา 116.81 ต่อแสนประชากร (4,662คน)

ปี 2567

  • ฆ่าตัวตายสำเร็จ : อัตรา 7.94 ต่อแสนประชากร (5,126 คน)

  • จังหวัดที่มีอัตราฆ่าตัวตายสูงที่สุด : น่าน, จันทบุรี, ลำปาง

  • ผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป ฆ่าตัวตายสำเร็จมากที่สุดอัตรา 10.21 ต่อแสนประชากร

  • พยายามฆ่าตัวตาย อัตรา 52.07 ต่อแสนประชากร (33,926 คน)

  • กลุ่มอายุ 15-19 ปี พยายามฆ่าตัวตายมากที่สุดอัตรา 108.14 ต่อแสนประชากร (4,316 คน)

ขณะที่ข้อมูลใน ปี 2568 (ครึ่งปีแรก) ในกลุ่มของพยายามฆ่าตัวตาย มีแนวโน้มสูงขึ้น 76% ของปี 2567 ตลอดทั้งปี

จากตัวเลข ปี 2567 อัตราคนฆ่าตัวตายสำเร็จลดลง อาจสะท้อนถึงการจับสัญญาณขอความช่วยเหลือที่รวดเร็วมากขึ้น เช่นเดียวกับอัตราการพยายามฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้น ก็สะท้อนถึงการมีเครื่องมือในการสอบสวนอุบัติการฆ่าตัวตาย และพยายามฆ่าตัวตายที่ละเอียด และเป็นจริงมากขึ้น

นพ.อาทิตย์ เล่าสุอังกูร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ และศูนย์เฝ้าระวังการฆ่าตัวตาย กรมสุขภาพจิต

มากกว่าสถิติคนฆ่าตัวตาย คือสัญญาณที่ต้องหาให้พบ

จากข้อมูลข้างต้น นพ.อาทิตย์ เล่าสุอังกูร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ และศูนย์เฝ้าระวังการฆ่าตัวตาย กรมสุขภาพจิต ระบุว่า จากการสืบค้นใบมรณบัตร กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข ตามสถานที่เสียชีวิต และรายงานการเฝ้าระวังผู้พยายามทำร้ายตนเอง กรณีเสียชีวิต (รง 506 S v11)

และดำเนินงานพัฒนา ทีมสอบสวนฆ่าตัวตาย ระดับจังหวัด ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ สนับสนุนงบประมาณเพื่อติดตามดูแลครอบครัวฆ่าตัวตายสำเร็จในแต่ละพื้นที่ พัฒนาระบบฐานข้อมูลการสอบสวนการฆ่าตัวตาย ทำให้วิเคราะห์ออกมาเป็นรายงานการสอบสวนอุบัติการณ์ฆ่าตัวตายและพยายามฆ่าตัวตาย พบว่า

ปัจจัยเสี่ยงลำดับแรก ๆ พบได้ทุกจังหวัดคือ การป่วยด้วยโรคซึมเศร้า และโรคจิตเภท ที่มีอาการทางจิตกำเริบ การป่วยโรคทางกายรุนแรงเรื้อรัง การติดสุราและ/หรือสารเสพติด การเคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน

ส่วนปัจจัยกระตุ้นที่พบได้ทุกจังหวัด คือ เกิดความขัดแย้งกับคนสำคัญในชีวิต สูญเสียความสัมพันธ์กับคนสำคัญในชีวิต ปัญหาสุขภาพที่รู้สึกอับอายหรือล้มเหลว รวมถึงการเป็นหนี้ที่ไม่สามารถจ่ายได้หรือถูกทวงให้อับอาย

ขณะสัญญานเตือนฆ่าตัวตายพบน้อย ทั้ง ๆ ที่อุบัติการณ์ฆ่าตัวตายส่วนใหญ่มักจะมีสัญญาณเตือน แสดงถึงความตระหนักตื่นตัว และ/หรือ ความรู้ความเข้าใจของญาติ และคนใกลชิดเรื่อง “สัญญานเตือน และการจัดการเมื่อมีสัญญาณเตือน” ยังมีน้อย

โดยกลุ่มอายุที่พยายามฆ่าตัวตายในอัตราที่สูง คือ กลุ่มวัยรุ่น วัยเรียน อายุ 15-19 ปี ช่วงมัธยมฯ ปลาย และอุดมศึกษา ปี 1

ฐานข้อมูลดีขึ้น แต่ต้องนำไปใช้ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น

เมื่อถามถึงประโยชน์จากการเก็บสถิติด้วยระบบฐานข้อมูลการสอบสวนการฆ่าตัวตาย นพ.อาทิตย์ ย้ำว่า ตัวเลขการฆ่าตัวตายสำเร็จ และการพยายามฆ่าตัวตายตั้งแต่ ปี 2567 ทางศูนย์ฯ จะส่งคืนให้กับคณะอนุกรรมการสุขภาพจิต ระดับจังหวัด ตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าจะขับเคลื่อนได้ดีในระดับหนึ่ง ส่วนที่คิดว่าสำคัญ และจำเป็นต้องดำเนินการ คือ การนำ พ.ร.บ.สุขภาพจิต ไปใช้อย่างจริงจัง ซึ่งเนื้อหาได้ระบุว่าแต่ละจังหวัดให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานอนุฯ มีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เป็นเลขาฯ พร้อมด้วยกระทรวงต่าง ๆ

“หน่วยงานสาธารณสุขรักษาคนที่มีความเสี่ยง แต่กระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ ตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต จะเข้ามาช่วยดูแล เช่น ลดปัญหาหนี้ กระทรวงศึกษาธิการ จัดการศึกษาให้กับครู และเด็กมีความเข้มแข็งทางใจ ฝ่ายปกครองส่องช่วยเหลือคนในพื้นที่ได้ทันท่วงที ส่วนโครงการไหนที่เป็นงบฯ ผู้ว่าฯ มีส่วนที่เป็นผู้ที่สนับสนุนเสริมพลัง ก็จะพัฒนาได้มากกว่านี้”

นพ.อาทิตย์ เล่าสุอังกูร

ขณะที่มาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาฆ่าตัวตาย ที่ศูนย์ป้องกันการฆ่าตัวตายระดับชาติ เห็นควรเสนอแนะให้กับทุกจังหวัด ประกอบด้วย

มาตรการเฝ้าระวังฆ่าตัวตายในกลุ่มเสี่ยง

  • ควรกําหนดให้กลุ่มผู้ป่วย โรคซึมเศร้า โรคจิตเภท ผู้ที่เคยพยายามฆ่าตัวตายในปีที่ผ่านมา เป็นกลุ่มเสี่ยงของทุกจังหวัดที่ต้องติดตาม (ประเมินด้วย 8Q ทุกเดือน และให้การช่วยเหลือด้านความรุนแรงของ suicidality) ส่วนในกล่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังรุนแรงควรคัดกรองด้วย 2Qplus ทุกครั้งที่มารับบริการ

  • สร้างความรอบรู้เรื่องสัญญานเตือน และการจัดการเบื้องต้นแก่ญาติหรือคนใกล้ชิด ของทั้ง 3กลุ่มเสี่ยงดังกล่าว พร้อมทั้งมีช่องทางติดต่อ 24 ชม. กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่รับผิดชอบในจังหวัด

มาตรการเพิ่มประสิทธิผลในการรักษาผู้ป่วยโรคซึมเศร้าและจิตเภท

  • ควรปรับปรุง Care process โรคซึมเศร้า โรคจิตเภท โรคติดสุรา และยาเสพติดโดยมุ่งผลลัพธ์ Remission และ adherence และเน้นการเลือก intervention ที่ได้ผล รวมถึงมีระบบติดตามต่อเนื่องไม่ให้ขาดการรักษา (รวมทั้งปรับปรุง Care map, CPG)

มาตรการขจัดหรือบรรเทาปัจจัยกระตุ้น

  • เพิ่มผู้บำบัดด้านสังคมจิตใจในระดับ รพช.สามารถ Family therapy, Couple therapy (ฝึกอบรมหรือจ้างเพิ่ม)

  • ช่วยหาช่องทางบริหารหนี้ให้แก่กลุ่มเสี่ยง เช่น มีคณะกรรมการสหอาชีพระดับจังหวัด ประเมินเพื่อให้การช่วย เหลือรายบุคคล

มาดรการเฝ้าระวังฆ่าตัวตายในกลุ่มวัยรุ่นวัยเรียน

  • Care System development มีการคัดกรองประเมินความเสี่ยงฆ่าตัวตาย (อาจใช้ 2Qplus) อย่างน้อยเทอมละครั้ง จัดให้มีคลินิกสุขภาพจิตในโรงเรียนมัธยม และสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา มีระบบส่งต่อรายที่ยุ่งยากซับซ้อนไปพบจิตแพทย์หรือพยาบาลจิตเวชที่ รพศ. รพท. หรือ รพ.จิตเวชได้สะดวก อบรมครูและแนวหรือครูที่ได้รับมอบหมายเรื่องหลักสูตรพัฒนาทักษะการแก้ไขปัญหา

  • จัดการเรียนรู้เพิ่มพูนทักษะแก้ไขปัญหาชีวิต และการเผชิญปัญหาอย่างสร้างสรรค์

Author

Alternative Text
AUTHOR

รุ่งโรจน์ สมบุญเก่า

หนุ่มหน้ามนต์คนบางเลน สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ ชื่นชอบอนิเมะ ทั้งสัตว์บกสัตว์ทะเลล้วนเป็นเพื่อน