ปกป้องนักวิชาการเปิดผลกระทบสารตกค้าง ด้าน เครือข่ายค้านแบนสารฯ หวังใช้โอกาสนี้พิสูจน์ความจริง ขอ ม.มหิดล เร่งตรวจสอบงานวิจัยฯ
เครือข่ายเตือนภัยกำจัดสารเคมีศัตรูพืช หรือ Thai-PAN เตรียมแจ้งความดำเนินคดี สมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย หมิ่นประมาทนักวิชาการด้วยการโฆษณา เพื่อปกป้องนักวิชาการที่เปิดเผยการตกค้างสารเคมีเกษตรในทารก ด้าน เครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง เห็นว่ากรณีดังกล่าว จะเป็นโอกาสได้พิสูจน์ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อสังคม พร้อมเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยมหิดล เร่งตรวจสอบจริยธรรมและความรับผิดชอบของงานวิจัยดังกล่าว
ปกป้องนักวิชาการจากการถูกคุกคามและบิดเบือนข้อมูล
กรณีนี้ ‘ปรกชล อู๋ทรัพย์’ เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือ ไทยแพน เปิดเผยว่า จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก สมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย ได้เผยแพร่ข้อมูลจับผิดงานวิจัยของ ศ.ดร.พรพิมล กองทิพย์ โดยระบุข้อความ อ้างว่า หญิงตั้งครรภ์ ไปขุดดินในแปลงที่ใช้พาราควอต ทำให้พาราควอตเข้าสู่ร่างกายโดยซึมผ่านผิวหนัง เข้าไปสะสมอยู่ในซีรั่มของมารดาและทารกแรกเกิดได้อันตราย แต่เมื่อทำหนังสือสอบถามไปทางโรงพยาบาล 3 แห่ง ที่ระบุชื่อไว้ในงานวิจัย ได้รับคำตอบกลับจาก 2 แห่ง ว่าโรงพยาบาลไม่มีส่วนรู้เห็นกับงานวิจัยชิ้นนี้ และไม่มีการดำเนินการในเรื่องนี้ และสรุปว่า งานวิจัยนี้ใช้ “ข้อมูลเท็จ” แต่ถูกหยิบมาเป็นข้ออ้างว่า “พาราควอต” เป็นอันตราย ต้องยกเลิกการใช้ เป็นหนึ่งในเหตุผล ที่สมาคมฯ ขอให้ทบทวนมติแบนพาราควอตนั้น
เพื่อประโยชน์สาธารณะ ปกป้องนักวิชาการจากการถูกคุกคามและใช้ข้อมูลบิดเบือน และเพื่อเผยแพร่ความจริงให้ประชาชนเห็นเบื้องหลังของกระบวนการต่อต้านการแบนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง ไทยแพน และเครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษร้ายแรงจะสนับสนุน ศ.ดร.พรพิมล กองทิพย์ หนึ่งในนักวิชาการ ต้นแบบ “ภูมิปัญญาของแผ่นดิน” ที่ได้รับการคัดเลือกจากมหาวิทยาลัยมหิดล ที่มีผลงานระดับโลกเกี่ยวกับผลกระทบของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชต่อสุขภาพของประชาชน เตรียมฟ้อง ‘จรรยา มณีโชติ’ และสมาคมวิทยาการวัชพืชฯ ที่เผยแพร่ข้อความกล่าวหาว่า งานวิจัยเกี่ยวกับการพบการตกค้างของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชของอาจารย์ “ใช้ข้อมูลเท็จ”
น.ส.ปรกชล ระบุอีกว่า งานวิจัยดังกล่าวได้รับการอนุญาตอย่างถูกต้อง ตามหลักฐาน 1. เอกสารการขอจริยธรรมการวิจัยที่คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล 2. เอกสารตอบตกลงเข้าร่วมทำวิจัยของโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ 3. เอกสารตอบตกลงเข้าร่วมวิจัยของโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี และ 4. เอกสารตอบตกลงเข้าร่วมวิจัยของโรงพยาบาลอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ
งานวิจัยนี้ยังได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารทางวิชาการชั้นนำด้านสิ่งแวดล้อมที่ผ่านกระบวนการรีวิวโดยผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการระหว่างประเทศ
ไทยแพน เห็นว่า การแจ้งความเพื่อดำเนินคดีในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสอันดีที่ประชาชนจะได้ทราบว่าเบื้องหลังการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการแบนสารพิษร้ายแรงนั้น ดำเนินการไปด้วยความสุจริตใจ หรือหลงผิดเพราะหลักฐานที่ไม่เป็นจริง หรือมีเบื้องหลังอื่นใดจากกลุ่มผู้สูญเสียผลประโยชน์จากการค้าสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่ถูกยกเลิกการใช้หรือไม่ การแจ้งความดำเนินคดีครั้งนี้ เครือข่ายฯ กำลังพิจารณาว่าจะดำเนินคดีกับผู้แชร์ข้อความหมิ่นประมาทนี้ด้วยหรือไม่
ดังนั้น จึงแจ้งไปยังผู้ที่ได้แชร์ข้อมูลหมิ่นประมาทจากสมาคมวิทยาการฯ ได้กรุณาพิจารณาอย่างรอบคอบ หลังจากได้รับข่าวสารนี้
มอง ฟ้องคดี เป็นโอกาสพิสูจน์ข้อเท็จจริงจากงานวิจัยฯ
ด้าน ‘อัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร’ เครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง ยืนยันว่าเอกสารข้อมูลที่ได้มีการเผยแพร่ในเพจสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย เป็นเอกสารข้อมูลของเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง ที่ได้รับการตอบกลับจากโรงพยาบาลที่ถูกระบุชื่อไว้ในงานวิจัยดังกล่าว ซึ่งทางเครือข่ายได้ทำหนังสือสอบถามไป และได้รับคำตอบจากทางโรงพยาบาล 2 แห่ง ที่ถูกระบุชื่อไว้ในงานวิจัย โดยโรงพยาบาล ระบุไม่มีส่วนรู้เห็นกับงานวิจัยชิ้นนี้ และไม่มีการดำเนินการในเรื่องนี้ หากไทยแพนจะดำเนินการฟ้องหมิ่นประมาท ก็ให้ดำเนินการกับเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง ไม่ใช่ดำเนินการฟ้องร้องกับสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย
น.ส.อัญชุลี ยังเห็นว่าเป็นโอกาสดี ที่จะได้พิสูจน์ตรวจสอบให้สังคมได้คำตอบว่าข้อมูลใดเป็นข้อเท็จจริง พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เร่งตรวจสอบจริยธรรมและความรับผิดชอบของงานวิจัยดังกล่าว ที่เครือข่ายได้ยื่นหนังสือให้ดำเนินการตรวจสอบไปก่อนหน้านี้ และได้รับคำชี้แจงว่าอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและดำเนินการให้ผู้วิจัย คือ ศ.ดร.พรพิมล เข้ามาชี้แจงโดยเร็ว
หากไม่ได้คำตอบภายใน 30 วัน หรือภายในวันที่ 31 สิงหาคม นี้ ทางเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง จะยื่นร้องต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ให้เอาผิดกับอธิการบดีและผู้วิจัยต่อไป
