ผู้ว่าฯ ตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ 4 คณะ หวังเพิ่มพื้นที่ปีละ 12,000 ไร่ รองรับเกษตรกรหลังแบนสารเคมีเกษตร
วันนี้ (25 ส.ค. 2563) โชคดี ตั้งจิตร หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร สำนักงานเกษตร จ.ราชบุรี เปิดเผยว่าภายหลังการแบนและจำกัดการใช้สารเคมีภาคการเกษตร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ได้ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ 4 คณะ โดยตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ปลอดสารเคมีให้ได้ไม่น้อยกว่า 60,000 ไร่ ภายในปี 2567 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า โดยจะต้องเพิ่มพื้นที่ให้ได้เฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 12,000 ไร่ โดยปัจจุบัน จ.ราชบุรี มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์อยู่เพียง 10,000 กว่าไร่ จาก พื้นที่การเกษตรทั้งหมด 1.2 ล้านไร่ หากเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ได้ตามเป้า 60,000 ไร่ จะคิดเป็นสัดส่วน 5%
เขายังบอกอีกว่า สำหรับกลุ่มที่ทำเกษตรอินทรีย์ในจังหวัดราชบุรีที่ก่อตั้งขึ้นมาอย่างเป็นทางการ คือ “กลุ่มเกษตรอินทรีย์ร่มเย็นราชบุรี” ซึ่งหลังการแบนและจำกัดการใช้สารเคมีเกษตรทั้ง 3 ชนิด คือ คลอร์ไพริฟอส พาราควอต และไกลโฟเซต ก็มีเกษตรกรภายนอกเข้ามาสอบถามและเข้าร่วมเป็นสมาชิกมากขึ้น ซึ่งช่วงแรกสมาชิกใหม่มักมีความกังวลเรื่องผลผลิต ว่าหากเปลี่ยนมาทำเกษตรอินทรีย์จะไม่มีคุณภาพและได้ปริมาณน้อย แต่ตนเชื้อว่าทุกอย่างมีทางออกโดยหากมีการรวมกลุ่มเป็นเครือข่าย จะมีการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนถึงปัญหาและอุปสรรคทุกเดือนเพื่อช่วยกันแก้ปัญหา
“ต้องขอชื่นชมเกษตรกรที่สามารถเลิกใช้พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอสได้สำเร็จ เพราะไม่ใช่ว่าใครจะเลิกได้ง่าย ๆ หลายคนก็ยังจำเป็นที่ต้องใช้จนถึงกับมีการประท้วง”
ด้าน เอกอรุณ อำนาจเจริญพรชัย เกษตรกรไร่อินทผาลัม 6 ไร่ จำนวน 152 ต้น อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี สมาชิกกลุ่มเกษตรอินทรีย์ร่มเย็นราชบุรี กล่าวว่า ตัดสินใจทำเกษตรอินทรีย์เนื่องจากเป็นห่วงสุขภาพตนเอง และลดต้นทุนได้มากกว่า แต่ก็ยอมรับว่าเหนื่อยที่ต้องตรวจหาแมลงโดยเฉพาะด้วงที่กัดกินยอดต้นอินทผาลัมเป็นประจำทุกเช้า แทนการใช้คลอร์ไพริฟอส และต้องหมั่นตัดหญ้าด้วยเครื่องตัดหญ้าแทนการใช้พาราควอต แต่เนื่องจากมีจำนวนพื้นที่ 6 ไร่ และวางแผนการปลูกในจำนวนที่เหมาะสมจึงทำให้ไม่ต้องจ้างแรงงานเพิ่ม