“ปลาหมอคางดำ” ยังระบาด ชาวบ้านสูญเงินหลักแสน

ก.เกษตรฯ เตรียมรับซื้อปลาหมอคางดำเฟส 2 อีก 6 แสนกิโลกรัม พร้อมเรียกประชุม คกก.แก้ไขปัญหา 22 ม.ค. นี้

สถานการณ์ของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง จ.สมุทรสงคราม ยังคงประสบปัญหาการแพร่ขยายพันธุ์ของปลาหมอคางดำ เช่น บ่อเลี้ยงกุ้งแห่งหนึ่งใน ต.ยี่สาร อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ก่อนหน้านี้ลงทุนเลี้ยงกุ้งเป็นเงินกว่า 500,000 บาท แต่กลับขายกุ้งได้เพียง 1 แสนบาท

โดยเกษตรกรหลายคนพยายามหาวิธีต่าง ๆ เพื่อกำจัดปลาหมอคางดำ เช่น การโรยกากชา แต่ก็ไม่สำเร็จ นอกจากนี้ แหล่งน้ำธรรมชาติที่เกษตรกรใช้เลี้ยงสัตว์น้ำ ก็ยังพบปลาหมอคางดำอยู่เป็นจำนวนมาก พร้อมสะท้อนว่า การแก้ปัญหาของรัฐล่าช้า และมองว่าสิ่งที่ควรดำเนินการขณะนี้ คือ เร่งควบคุมปลาหมอคางดำไม่ให้แพร่ขยายพันธุ์เป็นวงกว้าง 

ส่วนมาตรการแก้ปัญหาของรัฐที่ใช้อวนรุนจับปลาหมอคางดำ หรือ ปลากระพงขาว ไล่ล่าปลาหมอคางดำ มองว่า ยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร

ก.เกษตรฯ เตรียมรับซื้อปลาหมอคางดำ เฟส 2 เดือน ก.พ. นี้

อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำที่ยังคงมีการแพร่ระบาด ผ่านมาตรการเชิงรุก ตามข้อสั่งการของ ศ.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งได้มอบหมายให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ร่วมกับกรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือกำหนดแนวทางการรับซื้อ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์และหลักปฏิบัติของการเข้าร่วมโครงการรับซื้อปลาหมอคางดำ พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานภายใต้กำกับเร่งประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน ทั้งนี้  ได้กำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำครั้งที่ 1/2568 ในวันที่ 22 ม.ค. 68 

อนุกูล กล่าวว่า  การยางแห่งประเทศไทยจะดำเนินการมาตรการเชิงรุก รับซื้อปลาหมอคางดำภายใต้โครงการผลิตน้ำหมักชีวภาพเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง ต่อเนื่องเป็นเฟส 2 โดยใช้งบประมาณเงินทุนหมุนเวียนจากทุน กยท. มาตรา 13 แผนปฏิบัติการดำเนินงานด้านธุรกิจ เป็นเงินจำนวน 12 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับซื้อปลาหมอคางดำได้ 600,000 กิโลกรัม โดย กยท. จะรับซื้อปลาหมอคางดำในราคา 15 บาท/กิโลกรัม (จ่ายให้กับชาวประมงหรือผู้จับปลามาขาย)

ส่วนค่าขนส่งและค่าบริหารจัดการรวบรวมจ่าย 5 บาท/กิโลกรัม  (จ่ายให้กับผู้รวบรวมหรือแพปลาที่ขึ้นทะเบียนกับกรมประมงและสหกรณ์ประมงที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยจะต้องนำส่งปลาให้ถึงโรงงานที่ กยท. ว่าจ้างในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี) ทั้งนี้ กยท. เร่งดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้สามารถรับซื้อปลาหมอคางดำได้เร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าเริ่มรับซื้อได้ต้นเดือน ก.พ.นี้

ที่ผ่านมา การยางแห่งประเทศไทย กระทรวงเกษตรฯ ได้ดำเนินการรับซื้อปลาหมอคางดำ เพื่อนำมาผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพในเฟสแรก (1-24 ส.ค. 67) สามารถช่วยลดปริมาณปลาหมอคางดำจากระบบนิเวศถึง 581.44 ตัน (581,436.50 กก.) และสามารถผลิตน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำ ทั้งหมด 930,298.40 ลิตร โดย กยท. จัดสรรน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำให้กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางที่อยู่ในโครงการสนับสนุนแปลงใหญ่ยางพาราทั่วประเทศ ทั้งสิ้น 353 แปลง ให้เกษตรกร และสมาชิก จำนวน 14,552 ราย

ซึ่งพบว่าชาวสวนยางที่นำน้ำหมักชีวภาพไปฉีดพ่น สามารถช่วยให้การเจริญเติบโตของต้นยางดี สามารถกรีดยางได้ง่ายขึ้น เนื่องจากผิวหน้ายางนิ่ม และมีปริมาณน้ำยางไหลเพิ่มขึ้น ช่วยเกษตรกรได้รับผลผลิตยางเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ มีเกษตรกรนำไปใช้ในสวนทุเรียน ทำให้ต้นทุเรียนที่เสียหายจากน้ำท่วมฟื้นคืนกลับมาแข็งอย่างรวดเร็ว

“รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่พบการแพร่ระบาดได้ดำเนินการผ่านมาตรการต่าง ๆ เกิดผลเป็นรูปธรรม สามารถช่วยบรรเทาให้วิกฤตการระบาดของปลาหมอคางดำในประเทศไทยดีขึ้นและจะขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ” 

อนุกูล พฤกษานุศักดิ์


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active