ฐานฝ่าฝืนห้ามชุมนุมใน มธ. เมื่อ 19 ก.ย. ลั่น ห้ามใช้ชื่อ “ธรรมศาสตร์” ชุมนุมเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันฯ ขู่ เอาผิด ม.157 หากไม่คืบ
วันนี้ (9 ต.ค. 2563) กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ธรรมศาสตร์พิทักษ์ธรรม” แถลงจุดยืนต่อสื่อมวลชน เรียกร้องให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินคดีแกนนำ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของอธิการบดีที่สั่งห้ามจัดการชุมนุมภายในพื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา
พวกเขานัดหมายยื่นหนังสือต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในช่วงบ่าย พร้อมรายชื่อศิษย์เก่าที่สนับสนุนข้อเรียกร้องจำนวน 626 คน
อาณัศ ช้างอินทร์ ศิษย์เก่ารุ่น พ.ศ. 2509 ตัวแทนผู้แถลงระบุว่า กลุ่มฯ มี 3 ข้อเรียกร้อง คือ (1) ขอให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ดำเนินคดีต่อผู้กระทำที่ฝ่าฝืนคำสั่ง บุกรุก และทำลายทรัพย์สินด้วยการพังประตูรั้วเข้าไปจัดการชุมนุมภายในพื้นที่มหาวิทยาลัย ซึ่งถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์
“อธิการบดีควรดำเนินคดีเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลที่คิดจะกระทำผิดกฎหมายในอนาคต แต่หากอธิการบดีไม่ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อตำรวจ ท่านอาจผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่”
(2) ขอให้สั่งห้ามกลุ่มแนวร่วมฯ ใช้ชื่อและตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการชุมนุม โดยเฉพาะที่มีเนื้อหาเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะทำให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เสื่อมเสียเกียรติภูมิ ถูกดูหมิ่น และศิษย์เก่าได้รับความอับอาย
(3) กลุ่มฯ เห็นว่า แม้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะยึดถือหลักการมีเสรีภาพทุกตารางนิ้ว แต่การใช้เสรีภาพดังกล่าวต้องไม่เป็นการลิดรอนสิทธิของผู้อื่น โดยเฉพาะการมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และต่อผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่เป็นศิษย์เก่า และยังเป็นที่เคารพของชาวธรรมศาสตร์
และ (4) ขอให้มหาวิทยาลัยฯ ทบทวนการสอนของอาจารย์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม และทบทวนการใช้พื้นที่จัดสัมมนาที่แฝงวาระทางการเมือง เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยกลุ่มฯ จะคอยติดตามทวงถามความคืบหน้า หากไม่มีการดำเนินการก็จะมีมาตรการขั้นเด็ดขาดที่จะดำเนินการต่ออธิการบดี ตามประมวลกฎกมายอาญามาตรา 157 ต่อไป
ทั้งนี้ พลตำรวจตรี ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เคยแถลงเมื่อวันที่ 19 ก.ย. หลังผู้ชุมนุมสามารถบุกเข้าไปในพื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ว่า ปรากฏภาพการใช้เครื่องตัดกุญแจและพังประตูเข้าไปในพื้นที่มหาวิทยาลัยชัดเจน และยืนยันว่ามีความผิดในข้อหาบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ โดยหลังจากนี้ต้องรอให้เจ้าของพื้นที่มาแจ้งความร้องทุกข์ตามขั้นตอน
