ยื่นหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีเหมืองแร่ทองคำ อ.วังสะพุง หวั่นเกิดเหตุซ้ำ หลังมีชายฉกรรจ์สังเกตการณ์ขนสินแร่ จากการประมูล
เมื่อวันที่ 12 ม.ค 2564 กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน จังหวัดเลย เดินทางเข้าลงบันทึกประจำวัน ที่ สภ.วังสะพุง จากเหตุการณ์ระหว่างวันที่ 2 – 5 ม.ค. ที่ผ่านมา ที่มีชายฉกรรจ์ อ้างตัวว่ามาจาก บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ ขอเข้าพื้นที่เหมืองเพื่อตรวจสอบและฟื้นฟู ซึ่งชาวบ้านกังวลว่าอาจมีการขนแร่เถื่อน และเกิดความรุนแรงขึ้นเหมือน ปี 2557
ต่อมา 10.00 น. กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด เข้ายื่นหนังสือเรียนถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อุตสาหกรรมจังหวัดเลย สำนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ผ่าน สภ.วังสะพุง เช่นกัน โดยขอให้มีการตรวจสอบสินแร่ที่ประมูลแล้ว จะดำเนินการขนย้านเสร็จสิ้นเมื่อใด ตรวจสอบสินแร่ที่ยังไม่ประมูลว่ามีจำนวนเท่าไร และตรวจสอบสิทธิในการเข้าพื้นที่ของผู้ที่อ้างว่ามาจากบริษัท ทุ่งคำ รวมถึงตรวจสอบการติดตั้งตู้จุดตรวจ หรือ ตู้แดงบริเวณปากทางเข้าเหมือง โดยมีรายงานว่าระหว่างที่ตัวแทนชาวบ้านเข้ายื่นหนังสือ ได้เกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อย ระหว่างชาวบ้าน กับเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. ในพื้นที่
สาระสำคัญของการยื่นหนังสือในครั้งนี้ ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ ขอให้เข้ามาคุ้มครองดูแลความปลอดภัยของกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด ที่ถูกชายฉกรรจ์คุกคาม ระหว่างการเฝ้าพิทักษ์ทรัพย์บริเวณเหมืองแร่ทองคำ พร้อมหาแนวทางป้องกันการขนแร่และสินทรัพย์เถื่อนในพื้นที่เหมืองทองคำ อ.วังสะพุง จ.เลย
มีรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. เพจ UNME of Anarchy ถ่ายทอดสดเหตุการณ์ขณะที่ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ พร้อมด้วยกลุ่มนักกิจกรรม นักศึกษา เฝ้าสังเกตการณ์บริเวณหน้าหมู่บ้านนาหนองบง อ.วังสะพุง โดยภาพเหตุการณ์พร้อมคำบรรยายของผู้ถ่ายทอดสด ระบุว่า มีอาสาสมัครหน่วยงานฝ่ายปกครอง ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในหมู่บ้านนาหนองบง อาการมึนเมา ใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มนักกิจกรรม แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ โดยระหว่างเกิดเหตุ มี จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ อยู่ในเหตุการณ์ด้วย พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังสะพุง เร่งจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพราะเหตุการณ์ขึ้นภายหลังการยื่นหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพียงไม่กี่ชั่วโมง
สำหรับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 2 ม.ค. ที่ผ่านมา หลังมีการประมูลสินแร่ทองคำ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค 2563 ชาวบ้านระบุว่า เกิดสถานการณ์ผิดปกติในพื้นที่ มีกลุ่มบุคคลอ้างตัวว่าเป็นคนของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด (ผู้ทำเหมืองแร่) ปกปิดใบหน้าและไม่แจ้งชื่อ พร้อมตำรวจ 4 นาย โดยอ้างว่ามาจาก สภ.วังสะพุง และส่วนกลาง จะเข้าไปทำการสำรวจพื้นที่เพื่อฟื้นฟูตามคำสั่งศาล และยังอ้างสิทธิว่ายังมีใบประทานบัตรอนุญาตให้ทำเหมือง
ต่อมา 4 ม.ค. เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และผู้ที่ประมูลสินแร่ได้ เดินทางมาที่เหมือง พร้อมตำรวจนอกเครื่องแบบ เข้ามาในพื้นที่เพื่อทำการตรวจสอบสภาพสินแร่จำนวน 190 ถุง ซึ่งชาวบ้านพบว่ากลุ่มคนที่อ้างตัวว่ามาจาก บริษัท ทุ่งคำ ก็ตระเวนอยู่ในพื้นที่ และได้ขับรถตามรถของพ่อค้ามาถึงเขตประตูทางเข้าเหมือง ที่ชาวบ้านเฝ้าเวรยามอยู่ ไม่ได้เข้าไปในเขตประตู แต่รออยู่ด้านนอก และถ่ายรูปจากด้านนอกเข้าไป เมื่อพ่อค้าขับรถออกไป กลุ่มคนที่อ้างตัวว่ามาจากบริษัท ทุ่งคำ ก็ได้ขับรถตามออกไปด้วยเช่นกัน
และในวันที่ 5 ม.ค. ขณะที่ ทองแดง ทองไหม ผู้ประมูลสินแร่ ได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ พร้อมนำรถแบคโฮเข้าไปยังเหมืองแร่ทองคำ เพื่อทำการเตรียมขนสินแร่ทั้ง 190 ถุง ออกจากพื้นที่ ก็พบว่ามีกลุ่มบุคคลที่อ้างว่ามาจากทุ่งคำได้มาสังเกตการณ์อยู่ที่สี่แยกกำแพงใจอีกครั้ง
หลังมีสถานการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นในพื้นที่ นับตั้งแต่เริ่มมีการประมูลสินแร่ จนถึงปัจจุบัน ทำให้ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้านจังหวัดเลย กังวลว่าอาจเกิดความรุนแรงและสถานการณ์ปล้นสินแร่อีกครั้ง และครั้งนี้อาจมีความรุนแรงมากขึ้น เพราะจะเป็นการปะทะระหว่างสองนายทุนใหญ่ แล้วชาวบ้านกลายเป็นผู้รับเคราะห์ ชาวบ้านจึงได้รวมตัวกันเตรียมปักหลักอยู่ตรงจุดสี่แยกกำแพงใจ หรือสี่แยกทางเข้าเหมืองแร่ทองคำ เพื่อทำการตรวจสอบคัดกรองบุคคลที่จะเข้า-ออกบริเวณพื้นที่เหมืองแร่ทองคำตลอด 24 ชั่วโมง