เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงสถานทูตจีน – สทนช. เรียกร้องให้มีการเปิดประตูเขื่อนให้น้ำโขงได้ระบายตามปกติ หลังซ่อมเขื่อนทำน้ำโขงแห้ง กระทบระบบนิเวศ
วันนี้ (5 ก.พ. 2564) เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน ส่งจดหมายปิดผนึก 2 ฉบับ ถึงเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เรียกร้องให้มีการเปิดประตูเขื่อนให้น้ำโขงได้ระบายตามปกติ เนื่องจากเกิดวิกฤตผลกระทบอย่างนักต่อระบบนิเวศ และวิถีความเป็นอยู่ของคนริมโขง
โดยจดหมายระบุว่า จากกรณีที่ประเทศจีนมีหนังสือถึง สทนช. ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงฝ่ายไทย เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2564 แจ้งการปรับลดระดับการระบายน้ำของเขื่อนจิงหง ซึ่งตั้งอยู่บนแม่น้ำโขงในประเทศจีน เพื่อบำรุงรักษาสายส่งโครงข่ายระบบไฟฟ้า ระหว่างวันที่ 5-24 ม.ค. 2564 หลังจากนั้นจะปรับเพิ่มการระบายน้ำและกลับเข้าสู่สถานะการทำงานปกตินั้น
แต่เนื่องจากระดับแม่น้ำโขงที่หลวงพระบาง ประเทศลาว มีปริมาณสูงมากซึ่งเกิดจากการบริหารจัดการเขื่อนไซยะบุรี ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงท้ายเขื่อนไซยะบุรี นับตั้งแต่ อ.เชียงคาน จ.เลย ถึง จ.หนองคาย ลดระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะสะสม ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างหนัก โดยเฉพาะการอพยพของปลาในช่วงหน้าแล้ง กระทบต่ออาชีพประมงและการใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภคของหมู่บ้านและเมืองขนาดใหญ่ที่ใช้แม่น้ำโขงเป็นน้ำดิบในการผลิตประปา
เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน จึงเรียกร้อง สทนช. ให้ทำหนังสือหรือเสนอให้คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) เสนอเรื่องต่อรัฐบาลจีนให้ทำการเปิดประตูเขื่อนระบายน้ำตามปกติ และเจรจากับรัฐบาลลาว บริษัท ไซยะบุรีพาวเวอร์ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารจัดการน้ำเขื่อนไซยะบุรีให้มีการปล่อยน้ำลงมาตอนล่างเพื่อแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้น
ขณะที่สถานการณ์แม่น้ำโขงในขณะนี้ยังวิกฤต บริเวณพรมแดนไทย-ลาวในภาคอีสานซึ่งอยู่ท้ายเขื่อนไซยะบุรีมีสภาพน้ำแห้ง หลายจุดไม่สามารถใช้แพสูบน้ำได้ พื้นที่เกษตรริมโขงเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำ ส่วนบริเวณพื้นที่บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย “ไก” หรือสาหร่ายน้ำจืดแม่น้ำโขง ตายเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าสาเหตุมาจากการที่น้ำลด ทำให้ไกรับแสงและความร้อนเกินจะมีขีวิตได้