‘สมาพันธ์คนจันท์ต้านเหมืองทอง’ พร้อม 3 ส.ส.จันทบุรี ร่วมยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี คัดค้านเหมืองทองคำ ของ บริษัท ริชภูมิฯ
วันนี้ (9 ก.พ. 2564) ที่ทำเนียบรัฐบาล ตัวแทน สมาพันธ์คนจันท์ต้านเหมืองทอง พร้อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.จันทบุรี ทั้ง 3 คน คือ จารึก ศรีอ่อน ส.ส.พรรคพลังท้องถิ่นไท พ.ต.ท. ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และ ญาณธิชา บัวเผื่อน ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมยื่นหนังสือเพื่อคัดค้านเหมืองทองคำ ที่จะดำเนินการโดย บริษัท ริชภูมิ ไมนิ่ง จำกัด ด้วย
อินทิรา มานุกุล รองประธานเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.จันทบุรี เปิดเผยว่า ช่วง 7 เดือนก่อนหน้านี้ ได้ร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดจันทบุรี และกระทรวงอุตสาหกรรม แต่ไม่มีความคืบหน้า วันนี้จึงมาร้องเรียนกับนายกรัฐมนตรีให้พิจารณาการยกเลิกอาชญาบัตรพิเศษดังกล่าว เพราะกังวลผลกระทบจากการทำเหมืองทองคำ โดยการขออาชญาบัตรพิเศษครั้งนี้มีเนื้อที่กว่า 14,650 ไร่ กระทบต่อพื้นที่ต้นน้ำสำคัญของจังหวัดจันทบุรี และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อพื้นที่เกษตร โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกทุเรียนหมอนทองที่มีผลผลิตออกมาปีละไม่ต่ำกว่า 6 แสนตัน สร้างมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งไม่คุ้มหากเทียบกับรายได้ที่ภาครัฐจะได้จากการสร้างเหมืองทองคำ
“ที่ผ่านมาการทำเหมืองแร่ทองคำในหลายจังหวัด ไม่มีที่ไหนที่จะไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการดำรงชีวิตของคนในพื้นที่ การเข้ามาเรียกร้องในครั้งนี้เพื่อต้องการตัดไฟแต่ต้นลม และหากบริษัทดังกล่าวยังเดินหน้าขออนุญาต ทางกลุ่มก็จะเดินหน้าคัดค้านในทุกกรณี”
ขณะที่ ผศ.เจริญ ปิยารมย์ ประธานคณะทำงานลุ่มน้ำวังโตนด จ.จันทบุรี กล่าวว่า พื้นที่ที่จะขออาญาบัตรพิเศษแร่ทองคำเป็นพื้นที่ต้นน้ำวังโตนด ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญทางตะวันตกของ จ.จันทบุรี ที่กินเนื้อที่กว่า 1,700 ตารางกิโลเมตร และเป็นพื้นที่เกษตรกรใช้ดำรงชีพ หากมีการก่อสร้างเหมืองแร่จะส่งผลกระทบต่อชุมชนทั้งลุ่มน้ำวังโตนด รวมไปถึงโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.จันทบุรี นอกจากนั้น โครงการพัฒนาเศรษฐกิจ EEC ยังมีการผันน้ำจากวังโตนดไปใช้ด้วย
นอกจากนั้น มลพิษจากเหมืองยังอาจจะเจือปนในแหล่งน้ำโดยเฉพาะตามชายหาดจนถึงในทะเล ซึ่งก็จะทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวในจังหวัด และอาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาล
ทั้งนี้ การยื่นหนังสือครั้งนี้ สมาพันธ์ฯ ได้นำทุเรียนพันธุ์หมอนทองมาแสดงด้วย โดยหลังจากแถลงต่อสื่อมวลชน ทางกลุ่มได้ส่งตัวแทน 20 คน เข้าไปเสนอเรื่องร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ภายในตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐมนตรี โดยนายกรัฐฯ ได้ส่งตัวแทนมารับฟังปัญหาและรับเรื่องร้องทุกข์พิจารณาต่อไป
