อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน สนธิกำลังเกลี้ยกล่อม “ชาวบางกลอย” รอบ 3 ให้อพยพลงจากบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน แต่ไม่เป็นผล

ชาวบ้านบางกลอย และนักกฎหมาย ยืนยันชาวบ้านเกิดบนแผ่นดินไทย-ไม่ใช่ต่างด้าว มีสิทธิในพื้นที่ท้องถิ่นดั้งเดิม

วันนี้ (1 มี.ค. 2564) อภิสิทธิ์ เจริญสุข ชาวบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เปิดเผยว่า ช่วงสายวันนี้ เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน เช่น อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน, ทหาร, ตชด. , กอ.รมน. รวมทั้งแพทย์และพยาบาล ได้สนธิกำลังเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์รวม 5 เที่ยว ขึ้นไปบ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน บริเวณจุดพักที่ชาวบ้านอพยพกลับขึ้นไป กระทั่งประมาณ 13.30 น.จึงเดินทางกลับ

อภิสิทธิ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ชาวบ้านที่อยู่อาศัยบริเวณบ้านบางกลอยล่างกังวลใจในความปลอดภัยของชาวบ้านที่อพยพกลับขึ้นไปด้านบน โดยเฉพาะเมื่อพบว่ามีการนำแพทย์และพยาบาลไปด้วย จึงรวมตัวกันดูเหตุการณ์ที่หน่วยพิทักษ์ กจ.10  ซึ่งเป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ถอนกำลัง โดยไม่มีการแจ้งหรือประสานให้ชาวบางกลอยล่างได้รับรู้ว่ากำลังปฏิบัติการอะไร

“ถ้าเป็นความช่วยเหลือด้านสาธารณสุข ก็ไม่น่าสนธิกำลังกันขนาดนี้ พวกเราต่างรู้สึกเป็นห่วงพะตีหน่อแอะกันมาก หากแกถูกบังคับให้ลง แกคงไม่ยอมแน่ และได้เคยยื่นคำขาดไว้แล้ว ว่าจะไม่ลง ถ้าใครเอาแกลงมา แกจะผูกกคอตาย”

เขาระบุด้วยว่า ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้เจ้าหน้าที่จะมีปฎิบัติการอีกหรือไม่ ซึ่งชาวบ้านต่างกังวลใจมาก เพราะขณะนี้มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เดินถือปืนลาดตระเวนในหมู่บ้านตั้งแต่เมื่อเช้า และพยายามปิดกั้นเส้นทางที่ชาวบ้านใช้เดินขึ้นไปบางกลอยบน แต่ก็ยังคงมีชาวบ้านบางส่วนเดินขึ้นลงในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา 

ด้าน ปลุ๊ จีบ้ง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบางกลอย กล่าวว่า ตนได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ติดตามคณะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังบางกลอยบนในวันนี้ โดย กอ.รมน. และเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ขอให้ไปเกลี้ยกล่อมชาวบ้านให้อพยพกลับลงมา โดยเฉพาะพะตีหน่อแอะ (ลูกชายของปู่คออี้) แต่ชาวบ้านยังคงปฏิเสธ ส่วนแพทย์และพยาบาลที่เดินทางไปด้วย ได้ตรวจร่างกายชาวบ้านที่อพยพขึ้นไป เพราะเห็นว่าอยู่ในป่ามาหลายวันแล้ว แต่ก็ไม่พบว่ามีใครป่วย 

“ที่เขาให้ผมขึ้นไปด้วยเพราะคงเห็นว่าเป็นคนหมู่บ้านบางกลอยแท้ ๆ ผมเติบโตที่บ้านบางกลอยบนมาจนอายุ 20 ปี จึงได้ถูกอพยพลงมา ผมเห็นพวกเขาอยู่กันแล้วก็ทำให้นึกถึงสมัยผมอยู่ที่นั่น ดูแล้วก็น่าอยู่ เมื่อก่อนตอนผมเป็นเด็กอยู่อย่างนั้นก็สนุก ผมไม่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงยืนยันว่าไม่กลับลงมา”

ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกล่าวอีกว่า เฮลิคอปเตอร์ไปจอดในพื้นที่ไร่ ซึ่งชาวบ้านเตรียมทำไร่หมุนเวียน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวยังพบต้นนุ่นขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านเคยปลูกไว้ในอดีต พื้นที่เหล่านั้นเคยเป็นไร่หมุนเวียนของชาวบ้าน

นอกจากนี้ยังชี้แจงกรณีที่มีการให้ข้อมูลว่าชาวบางกลอยจำนวนไม่น้อย อพยพข้ามมาจากฝั่งเมียนมา โดยระบุว่า เคยได้ยินทางอุทยานฯ พูดเรื่องนี้มานานแล้ว แต่ไม่เป็นความจริง เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ คือ ลูกหลานของชาวบางกลอย

ด้าน สุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรมและนักกฎหมาย กล่าวถึงกรณีที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหายุยงให้ชาวบ้านบางกลอยบุกรุกป่าแก่งกระจานว่า ทำไปตามหน้าที่ เพราะทำงานเกี่ยวกับชาวเขามากว่า 40 ปี และที่นี่ก็เป็นพื้นที่ทำงานเก่าที่เคยสำรวจตั้งแต่ปี 2528 ขณะเป็นเจ้าหน้าที่วิจัยของกองสงเคราะห์ชาวเขา แต่การทำหน้าที่ครั้งนี้อาจทำให้บางคนเสียผลประโยชน์และเมื่อมีชาวบ้านมาร้องเรียนว่าถูกเผาบ้าน ในฐานะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน ของสภาทนายความ ขณะนั้นก็ต้องช่วยเหลือไปตามกระบวนการ

“ความคิดเห็นของแต่ละฝ่ายแตกต่างกันได้ แต่ทั้งหมดต้องอยู่บนความฐานความจริง ที่ผ่านมาชาวบ้านกลุ่มนี้ ได้รับการกล่าวหาว่าเป็นคนต่างด้าวตลอดมา แต่ผมยืนยันตลอดว่าเขาเกิดและอยู่หมู่บ้านบางกลอย แม้แต่กระทั่งนายบิลลี่ที่ถูกอุ้มไปก็เช่นกัน ผมเชื่อว่าสุดท้ายความจริงก็จะปรากฏ ใครที่กล่าวเท็จ ในที่สุดความจริงก็ปรากฏ”

ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรมกล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ขึ้นไปเกลี้ยกล่อมชาวบ้านให้ลงมาเป็นครั้งที่ 3 จริง ๆ แล้ว ตามข้อตกลงที่ลงนามร่วมกันของรัฐมนตรีและตัวแทนชาวบ้านในครั้งก่อน ที่ให้ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ออกมาและให้มีคณะทำงานเข้าไปหาข้อเท็จจริงเป็นเรื่องดีและถูกต้อง ดังนั้น ควรรับฟังผลจากคณะทำงานที่เข้าไปทำงานร่วมกันก่อน

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active