ครอบคลุมประชากร 40 ล้านคน พร้อมเปิดช่องให้เอกชนร่วมจัดหาวัคซีน แต่ต้องผ่าน อย.
เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2564 นายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยผลการประชุมหารือร่วมกับนายแพทย์หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธุ์ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ด้านโควิด-19 และคณะที่ปรึกษา ว่า ทีมที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ และผู้เชี่ยวชาญ ได้พิจารณาและเห็นตรงกันว่าควรมีการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 เพิ่ม เพื่อนำมาใช้ในการควบคุมป้องกันโรคให้เพียงพอกับจำนวนประชากร จากเดิมที่ไทยมีวัคซีน รวม 63 ล้านโดส เพราะ 1 คน ต้องรับ 2 โดส โดยคาดว่าการจัดซื้อเพิ่มน่าจะประมาณ 20 ล้านโดส อ้างอิงจากจำนวนประชากร และแรงงาน โดยการจัดซื้อนี้ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นวัคซีนของบริษัทใด ซึ่งจะมีการนำข้อเสนอนี้เสนอต่อ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
“การจัดซื้อวัคซีนนี้จะมีผลให้เพิ่มจำนวนประชากรรับวัคซีนมากขึ้น หากมีการจัดซื้อได้เพิ่มอีก 20 ล้านโดส ก็จะทำให้ไทยมีวัคซีนมากถึง 80 ล้านโดส ฉีดให้กับประชากรได้รวม 40 ล้านคน”
นายแพทย์โสภณ กล่าวอีกว่า การจัดซื้อควรได้ในปีนี้ เพื่อให้เกิดการรับวัคซีนอย่างครอบคลุม แต่ยังไม่ได้กำหนดเรื่องของราคา และเวลาว่าวัคซีนจะมาถึงเมื่อไร เนื่องจาก การฉีดวัคซีนที่เริ่มไปแล้วหลายจังหวัด ทั้งสมุทรสาคร และปทุมธานี ซึ่งเป็นพื้นที่มีการระบาด ต่างต้องการวัคซีนเพิ่ม ส่วนที่ภาคเอกชนอยากเข้ามามีส่วนรวมจัดหาวัคซีนก็ยินดี แต่วัคซีนที่นำเข้ามาต้องการต้องได้รับการตรวจสอบ พิจารณา และอนุญาตจาก อย.