รองคณบดีศิริราชฯ ชวนประชาชนลงชื่อเรียกร้องรัฐบาลใช้อำนาจ พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนฯ ชี้ อีก 2-3 เดือนข้างหน้าคือช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน ไทยจะประสบปัญหาขาดแคลนวัคซีนอย่างหนัก
9 ส.ค. 2564 – “ศ. นพ.ประเสริฐ เอื้อวรากุล” รองคณบดีฝ่ายวิจัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล สร้างแคมเปญใน www.change.org เรียกร้องให้รัฐบาลใช้ พรบ.ความมั่นคงด้านวัคซีนฯลดการส่งออกวัคซีนของ Siam Bioscience เชิญชวนประชาชนลงชื่อเรียกร้องให้รัฐบาลใช้ พระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2561 เพื่อลดการส่งออกวัคซีนของสยามไบโอไซเอนซ์
โดยระบุว่า อยากขอให้ช่วยกันรณรงค์เรียกร้องให้รัฐบาลใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ลดการส่งออกวัคซีนที่ผลิตจากสยามไบโอไซเอนซ์ เนื่องจากในเวลานี้การเข้ามาของวัคซีนบริจาคและข่าวการจัดหาวัคซีนเพิ่มอาจทำให้หลายคนเข้าใจว่าสถานการณ์วัคซีนของประเทศกำลังดีขึ้น แต่ที่จริงแล้วแม้ในระยะยาวสถานการณ์เรื่องอุปทานของวัคซีนของประเทศอาจจะดีขึ้นจริง แต่ตนทราบจากการพูดคุยกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่า ในระยะ 2-3 เดือนข้างหน้าที่เป็นระยะหน้าสิ่วหน้าขวานของการควบคุมการระบาด ประเทศไทยกำลังจะประสบปัญหาการขาดแคลนวัคซีนอย่างหนัก
ดังนั้น วิธีที่ตรงไปตรงมามากที่สุดที่ประเทศควรทำในขณะนี้คือการลดหรืองดการส่งออกวัคซีนที่ผลิตที่สยามไบโอไซเอนซ์ เป็นการชั่วคราว ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีอำนาจตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนฯ ในการดำเนินการเรื่องนี้อยู่แล้ว ขณะนี้สยามไบโอไซเอนซ์ มีกำลังการผลิตประมาณเดือนละ 10 ล้านโดส หากใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ทำให้ประเทศมีวัคซีน 20-30 ล้านโดสในช่วง 3 เดือนข้างหน้าประเทศไทยจะมีโอกาสควบคุมการระบาดและลดความสูญเสียได้ดีขึ้นมาก
ศ. นพ.ประเสริฐ ระบุด้วยว่า การดำเนินการเช่นนี้จะมีผลกระทบต่อประเทศอื่นในภูมิภาคที่จะได้รับวัคซีนจากแอสตราเซเนกา ลดลงบ้าง แต่ประเทศเหล่านี้ไม่ได้พึ่งพาวัคซีนนี้เป็นหลักอย่างประเทศไทย การลดลงของวัคซีนชนิดเดียวในวัคซีนหลาย ๆ ชนิดมีผลกระทบน้อยกว่าประเทศไทยที่เมื่อวัคซีนหลักไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ก็มีวัคซีนอื่นที่จะมาช่วยได้น้อยมาก
“เมื่อชั่งน้ำหนักแล้วผมคิดว่าแม้จะมองในระดับภูมิภาค เรื่องนี้ก็ยังจำเป็นต้องทำอยู่ดี”
ศ. นพ.ประเสริฐ เอื้อวรากุล
ด้าน “นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ” ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ชมรมแพทย์ชนบทสนับสนุนและเชิญชวนทุกท่านร่วมลงชื่อในแคมเปญดังกล่าว เพื่อให้วัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยได้ใช้ในประเทศมากกว่าส่งออก โดยนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. ที่คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ได้มีมติเห็นชอบในหลักการจะใช้อำนาจออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ตาม มาตรา 18 ของ พระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2561 เพื่อกำหนดสัดส่วนการส่งออกวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยไปนอกราชอาณาจักรชั่วคราว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ดำเนินการใด ๆ
“หากวัคซีนมีน้อย คนอาจตายนับหมื่น”
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ
