เหตุผล กมธ.อากาศสะอาด ทำไม ? ผู้นำแก้ฝุ่นจังหวัด ต้องเป็น ‘นายก อบจ.’

มองความคาดหวัง นายก อบจ. นั่งประธาน คกก.อากาศสะอาดจังหวัด จุดเริ่มเปิดทางกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ตามแนวคิด ‘การจัดการร่วม’ พร้อมใช้ทรัพยากรเชิงโครงสร้าง จัดการปัญหาเชิงพื้นที่อย่างได้เหมาะสม

จากกรณีที่ ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส. เชียงใหม่ เขต 8 พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … ระบุผ่านเพจ Phattarapong Leelaphat – ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ ถึงจากการ ประชุมกรรมาธิการพิจารณาร่างพ.ร.บ. อากาศสะอาดฯ (กมธ.อากาศสะอาด) เมื่อวันศุกร์ที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา มีวาระการลงมติเลือกตำแหน่ง “ผู้นำแก้ปัญหาฝุ่นระดับจังหวัด” หรือ ประธานคณะกรรมการอากาศสะอาดจังหวัด โดยมีร่างของพรรคประชาชนที่เสนอให้ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) เป็นประธาน และมีร่างของคณะรัฐมนตรีที่เสนอให้เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน โดยผลการลงมติของ กมธ. เสียงส่วนใหญ่เห็นชอบให้ นายก อบจ.นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานกรรมการอากาศสะอาดจังหวัด นับก้าวแรกของการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น

“หลักการกระจายอำนาจให้กับท้องถิ่น คนที่รู้จักพื้นที่ของตนเองดีที่สุด การันตีการทำงานต่อเนื่องอย่างน้อย 4 ปี และมาจากการเลือกตั้งของประชาชน การที่กฎหมายกำหนดให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นประธานคณะกรรมการจึงสะท้อนหลักการที่เป็นรากฐานของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ที่ให้ท้องถิ่นมีบทบาทจัดการมลพิษทางอากาศในพื้นที่ชัดเจนมากขึ้น”

ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์

ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส. เชียงใหม่ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. …

ภัทรพงษ์ ยังเปิดเผยกับ The Active เพิ่มเติมว่า ในที่ประชุม กมธ.ได้ลงมติเสียงข้างมาก เห็นชอบในกรณีให้ นายก อบจ. เป็นประธานคณะกรรมการอากาศสะอาดระดับจังหวัด ซึ่งอยู่ใน หมวด 2 ส่วนที่ 3 มาตรา 24 คณะกรรมการอากาศสะอาดระดับจังหวัดและคณะกรรมการอากาศสะอาดกรุงเทพมหานคร ขณะที่ กมธ.เสียงข้างน้อย ก็สงวนความเห็นเพื่อนำไปอภิปรายต่อในสภาผู้แทนราษฎร ที่คาดว่าน่าจะเริ่มในช่วงเดือนมีนาคม 2568

เปิดเหตุผล กมธ.อากาศสะอาด ‘กระจายอำนาจ’ นายกฯ อบจ. จัดการฝุ่น

The Active ชวนย้อนอ่านความเห็น กมธ. บางส่วนผ่าน บันทึกการประชุม กับเหตุผลที่เห็นชอบให้ “นายก อบจ.” เป็น ประธานคณะกรรมการอากาศสะอาดจังหวัด

นายก อบจ.รู้จักพื้นที่ ทำงานได้ต่อเนื่อง

อชิชญา อ๊อดวงษ์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … แสดงความคิดเห็นที่เห็นด้วยกับการกำหนดให้ นายก อบจ. เป็นประธานกรรมการ ใน 2 ประเด็น คือ

  1. ด้วยหลักการพื้นฐานที่ควรต้อง มีในกฎหมายอากาศสะอาดฯ ต้องมีการกระจายอำนาจ การมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งหากให้ นายก อบจ. เป็นประธาน เป็นไปตามหลักการพื้นฐานที่กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นมากขึ้นและเกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ ตามหลักการแนวคิดการจัดการร่วม (Co-management) 

  2. การให้ นายก อบจ. เป็นประธานย่อมทำให้เกิดความต่อเนื่องของการปฏิบัติงาน เพราะมีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ต่างจากผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีการปรับเปลี่ยนตามการบริหารและวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งส่งผลต่อความต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน ที่สำคัญนายกอบจมาจากบุคคลในพื้นที่ จะทราบปัญหาในพื้นที่นั้น ต้องรับผิดชอบต่อปัญหาพื้นที่ จึงจะมีความพยายามในการแก้ปัญหาให้กับประชาชน

ใช้ทรัพยากรเชิงโครงสร้าง จัดการปัญหาเชิงพื้นที่

นพ.วิรุฬ ลิ้มสวาท สำนักวิชาการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … แสดงความเห็นว่า การถ่ายโอนภารกิจกำลังเป็นกระแสหลักของการปฏิรูปในหลายเรื่อง โดยเฉพาะด้านสุขภาพที่มีการถ่ายโอนภารกิจโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ไปสู่ท้องถิ่น ซึ่งทำให้ อบจ. มีความใส่ใจกับความทุกข์ของประชาชน และตอบสนองความต้องการเฉพาะของพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นการปฏิรูปในครั้งนี้ ทิศทางของการกำกับดูแลในระดับพื้นที่จะทำให้เห็นว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งระดับจังหวัดและระดับพื้นที่มีความเหมาะสมในการจัดการที่สอดคล้องกับบริบทเฉพาะในพื้นที่

นพ.วิรุฬ ลิ้มสวาท สำนักวิชาการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. …

นพ.วิรุฬ ยังมองว่า กลไกระดับพื้นที่จะมีความพร้อมในด้านการรู้สึกรับผิดชอบ ดังนั้นในมุมของการปกครองที่ปัจจุบันให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการมากขึ้นจะมีแนวคิดที่เรียกว่า User governance คือ นายกรัฐมนตรีจะต้องทำให้ดีที่สุดถ้าต้องการได้รับการเลือกตั้งอีกครั้ง เช่นเดียวกับนายกระดับพื้นที่ โดยเฉพาะการเป็นนักการเมืองระดับท้องถิ่นต้องแก้ปัญหาให้ได้โดยวิธีการใด ๆ และกลไกอำนาจใดใดก็ตาม จะเห็นว่า การออกแบบกลไกโดยมี นายก อบจ. เป็นประธาน จะเป็นการใช้ทรัพยากรในเชิงโครงสร้างเพื่อจัดการปัญหาพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม โดยให้อำนาจการทำงานให้เสร็จที่ นายก อบจ. และ ให้อำนาจการติดตามควบคุมกำกับดูแลอยู่ที่ผู้ว่าราชการจังหวัด จะเป็นกลไกที่สอดคล้องกับบริบทของสังคม และบริบทกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องงบประมาณที่เปิดช่องให้ท้องถิ่นสามารถกำหนดการจัดการเรื่องการเงินได้อย่างคล่องตัว 

‘กระจายอำนาจ’ สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมระดับพื้นที่

ขณะที่ นิศานาถ รัตนนาคินทร์ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … แสดงความเห็นว่า มาตรา 24 จะเป็นการร่วมและปรับตัวระหว่างโครงสร้างของภูมิภาค และท้องถิ่นซึ่งเป็นมิติใหม่ โดยให้ความสำคัญกับผู้ว่าราชการจังหวัดที่ทำหน้าที่กำกับดูแล ให้คณะกรรมการอากาศสะอาดจังหวัด ปฏิบัติตามแผน โดยมีความเชื่อมโยงกับคณะกรรมการนโยบายร่วมเพื่ออากาศสะอาด คณะกรรมการกำกับดูแลเพื่ออากาศสะอาด รวมถึงคณะกรรมการวิชาการฯ และคณะกรรมการเศรษฐศาสตร์ ซึ่งจะเห็นคณะกรรมการกำกับดูแลจะมีกลไกและเครื่องมือในการกำกับดูแลพื้นที่ทุกระดับจนถึงอำเภอ โดยที่จังหวัดมีพื้นที่ที่ต้องปฏิบัติการหลักภาค (Sector) และหลายพื้นที่ เช่น จังหวัดเชียงใหม่มีมากกว่า 5-6 พื้นที่

การปรับตัวนี้จะเป็นกลไกความกลมกลืนในการปฏิบัติการเชิงบูรณาการที่สำคัญมากเพื่อให้เกิดความเข้มข้นระหว่างประสบการณ์ความรู้ในการจัดการ เพราะฉะนั้นผู้ว่าราชการจังหวัด จึงเปรียบเสมือนแม่ทัพที่ดูแลและเชื่อมโยงระหว่างส่วนกลาง และหน่วยราชการในพื้นที่ พร้อมการเสนอให้ นายก อบจ. เป็นประธานระดับจังหวัด เพื่อให้เห็นข้อเท็จจริงในเชิงปฏิบัติและเชื่อมโยงคณะกรรมการระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัดกับส่วนกลาง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดกำกับดูแลให้เป็นไปตามแผนเป็นที่ปรึกษาและให้ความเห็นในการดำเนินงาน

นิศานาถ รัตนนาคินทร์ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. …

หากคณะกรรมการจังหวัดไม่ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ ผู้ว่าฯ ก็มีหน้าที่โดยตรงในการกำกับดูแลแก้ไขปัญหาให้บรรลุผลสำเร็จ ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง (Reorganization) เพื่อนำไปสู่การสนับสนุนการกระจายอำนาจในอนาคต โดยในพื้นที่ที่จะมีการใช้กระบวนการจัดการร่วม ระดับพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพ คือ การสร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมอย่างจริงจังจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก (Key Stakeholders) ในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นและสร้างจิตสำนึก เพราะการสร้างจิตสำนึกไม่อาจเกิดขึ้นได้หากไม่ได้ร่วมปฏิบัติการอย่างจริงจังในส่วนของการจัดการร่วมระดับล่าง

4 ข้อ กทม. ชงขอรัฐบาลขยายขอบเขตการทำงาน มอบอำนาจ จัดการ PM 2.5

ก่อนหน้านี้ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีข้อเสนอแก่รัฐบาลขอขยายขอบเขตการทำงาน สู่อำนาจการจัดการฝุ่นที่ กทม. ควรจะมี  เนื่องจากการดำเนินการในหลายด้านสำหรับควบคุมฝุ่น PM2.5 กทม. ไม่มีอำนาจ 100% จึงได้ทำแนวทางเสนอรัฐบาลเพื่อให้มีอำนาจในการทำงาน 4 เรื่อง ได้แก่

  1. การเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม ตามหลัก PPP สิ่งที่ กทม. เคยเสนอรัฐบาลไปคือหลัก “ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย” (Polluter Pays Principle) ซึ่ง กทม. ไม่มีอำนาจตรงนี้ ซึ่งอยู่ใน พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ

  2. การลดค่าความทึบแสงของการตรวจรถยนต์ควันดำ ภายใต้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จาก 30 เป็น 10 หรือขอให้ท้องถิ่นกำหนดเอง ซึ่ง กทม. อยากตรวจให้เข้มข้นกว่า 30 เพราะต่ำกว่านั้นก็ก่อให้เกิดมลพิษ และ กทม. มีรถยนต์เป็นจำนวนมาก

  3. เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการการจัดการกับรถควันดำ ภายใต้ พ.ร.บ. สิ่งแวดล้อม เช่น ปรับจากการต้องแก้ไขภายใน 30 วัน เป็นแก้ไขทันที

  4. ขอให้ กทม. เป็นเจ้าพนักงานภายใต้ พ.ร.บ.ขนส่งทางบก เพื่อมีอำนาจในการตรวจรถ 6 ล้อขึ้นไป

ผู้ว่าฯ กทม. ระบุด้วยว่า กทม. ยังไม่ได้รับตามข้อเสนอนี้ เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา สภากรุงเทพมหานคร เห็นชอบร่างข้อบัญญัติรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า โดยให้รถเมล์ทั้งหมดใน กทม. ต้องเป็นรถ EV ภายใน 7 ปี แต่ กฤษฎีกา แจ้งว่า กทม. ไม่มีอำนาจในการออกข้อบัญญัติเพื่อกำหนดให้รถเมล์ใน กทม. เป็นรถไฟฟ้า และอีกหลาย ๆ เรื่อง เช่น การขอย้ายท่าเรือคลองเตย การเก็บภาษีรถเก่าควรเพิ่มไม่ใช่ลด ซึ่ง กทม.อยากทำแต่ไม่มีอำนาจ

“ที่ผ่านมาเราทำงานเรื่องฝุ่น PM2.5 มาโดยตลอด บางอย่างที่อาจยังไม่เห็นผล บางอย่างอาจยังไม่ดีพอ คงต้องทำงานให้หนักขึ้น ประชาชนสามารถตำหนิได้เรายินดีนำไปแก้ไขและปรับปรุง ผู้ว่าฯ มีหน้าที่รับผิดชอบ หากใครมีข้อเสนอในการแก้ปัญหาก็แจ้งมาได้เพราะทุกคนมีความรู้หลากหลายด้าน เรามีเจ้าหน้าที่คอยมอนิเตอร์ความคิดเห็นตลอด เพราะทุกเสียงของประชาชนมีส่วนช่วยให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่ดีขึ้น”

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์


Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active