นักวิชาการวิศวะมหิดล เสนอ 10 ข้อ แนะผู้ประกอบการสถานบริการและสถานบันเทิง ป้องกันไม่ให้เกิด ซ้ำรอย เหมือน 14 ปีก่อน ที่เคยเกิดเหตุไฟไหม้ “ซานติก้าผับ” ย่านเอกมัย ในค่ำคืนส่งท้ายปีเก่า 31 ธ.ค. 2551
แต่เรื่องที่ไม่คาดฝันกลับเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังเกิดเหตุ ไฟไหม้ผับชลบุรี ริมถนนสุขุมวิท หมู่ 7 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ เมื่อคืนวันที่ 5 ส.ค. 65 เวลา 01.00 น. ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 15 คน ในบริเวณหน้าประตู 4 คน ในห้องน้ำชาย 3 คน หลังบู้ทดีเจ 1 คน ในบริเวณแคชเชียร์ 2 คน หน้าแคชเชียร์ 3 คน เสียชีวิตที่ รพ. 2 คน และผู้บาดเจ็บอีกกว่า 40 นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่
อาจารย์สุพรรณ ทิพย์ทิพากร หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า พื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานบริการเปิดบริการเมื่อเดือนมิถุนายน 2565 บนพื้นที่ 3 ไร่ โดยเหตุร้ายเริ่มจากมีประกายไฟแถวเวทีบริเวณหลังคา ซึ่งมีการเดินไฟสปอตไลท์สีอย่างหนาแน่น ซึ่งหากทำไม่ได้มาตรฐาน หรือมีการใช้ไฟเกินกำลังก็อาจทำให้สายไฟเกิดการลัดวงจรก็อาจเป็นต้นเหตุทำให้เกิดลุกลามไปยังแผ่นซับเสียงติดไฟลามไปทั่วอาคารได้เร็ว
ตามข้อกำหนดทางกฎหมายนั้นมาตรฐานมีอยู่แล้วเพื่อความปลอดภัย แต่ความย่อหย่อนในการบังคับใช้กฎหมาย อาจมีส่วนทำให้เกิดความสูญเสียที่ป้องกันได้และไม่น่าจะเกิด กลายเป็นการล้อมคอกซึ่งไม่นานก็ลืมเลือนกับบทเรียนที่เคยมีมาดังเช่นไฟไหม้ผับซานติก้า ปี 2551 ซึ่งประตูทางออกมีน้อย ผู้คนวิ่งเบียดเสียดล้มทับเสียชีวิต ขาดระบบดับเพลิง การติดตั้งไฟฉุกเฉิน หรือการแสดงเส้นทางหนีไฟไม่ชัดเจน
นอกจากนี้ลักษณะของอาคาร เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เดิมเป็นร้านอาหารที่ต่อมาได้มีการต่อเติมและเปิดเป็นสถานบริการมีดนตรีสด เครื่องดื่ม ขนาดหน้ากว้างประมาณ 20 เมตร ลึก 30 เมตร สูง 5 – 6 เมตร โครงสร้างเหล็ก หลังคามุงด้วยแผ่นเมทัลชีท ภายในบุด้วยวัสดุแผ่นซับเสียงซึ่งติดไฟได้ง่าย และระบบเดินสายไฟฟ้าอาจมีความเสี่ยงซึ่งรอฝ่ายเจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์หลักฐาน และไม่พบอุปกรณ์เครื่องตัดกระแสไฟ
จะเห็นว่ามีหลายส่วนที่ไม่ถูกต้องตามมาตรฐานความปลอดภัย เช่น
- ด้านหน้ามีทางออกทางเดียว ซึ่งตามกฎหมายสำหรับสถานบริการที่จุคนได้สูงสุด 400 คน จะต้องมีทางหนีไฟ (Fire Exit) ไม่น้อยกว่า 3 แห่ง ซึ่งหากมีเวทีแสดงก็จะต้องมีประตูหนีไฟเพิ่มอีก 1 จุด ด้านหลังเวทีโดยผลักออกได้ทางเดียว แต่ในที่เกิดเหตุมีประตูหลักด้านหน้าเป็นบานกระจกคู่ ด้านข้างมีอีก 1 ประตู แต่ตกแต่งสีกลมกลืนกับผนังในอาคาร มีเพียงพนักงานที่ทราบ ส่วนด้านหลังเป็นประตูธรรมดาบานเดียว
- มีถังดับเพลิงเพียง 2 ชุดเท่านั้น สถานบริการประเภท ค ซึ่งมีพื้นที่มากกว่า 500 ตารางเมตร จะต้องมีระบบดับเพลิงอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพ เพียงพอและเหมาะสม
- การบุผนังและเพดานด้วยแผ่นซับเสียงซึ่งทำมาจากโพลีสไตลีน หรือโพลียูรีเทน หรือ โพลีโพพีลีน ทนไฟได้เพียง 200 กว่าองศาเซลเซียส สามารถลุกติดไฟได้ก็ขัดกับกฎกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการก่อสร้างโรงมหรสพ ที่ระบุให้ต้องใช้แผ่นซับเสียงหรืออุปกรณ์ที่ทนไฟได้เกิน 750 องศาเซลเซียส แม้ราคาจะสูงกว่าแต่มีความปลอดภัย
- การขาดระบบไฟฉุกเฉิน หรือจ่ายไฟฟ้าสำรอง เมื่อเกิดเหตุไฟไหม้หรือไฟฟ้าดับ ภายในสถานบริการต้องมีเครื่องหมายแสดงเส้นทางฉุกเฉิน ระบบสัญญาณเตือนเพลิงไหม้และไฟส่องสว่าง
ในการแก้ปัญหาและป้องกันการเกิดซ้ำ ที่นำมาซึ่งความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว จึงมี 10 ข้อเสนอแนะสำหรับผู้ประกอบการสถานบริการและสถานบันเทิง ดังนี้
1.การออกแบบอาคารและก่อสร้างต้องคำนึงถึงมาตรฐานทางวิศวกรรมความปลอดภัย รวมทั้งการระบายควันจากอัคคีภัย และปฏิบัติตามกฏหมายควบคุมอาคาร “ราชกิจจานุเบกษา กฎกระทรวง กำหนดประเภทและระบบความปลอดภัยของอาคารที่ใช้เพื่อประกอบกิจการเป็นสถานบริการ พ.ศ. ๒๕๕๕” เช่น มีจำนวนทางหนีไฟ(Fire Exit) ตามที่กำหนด มีระบบดับเพลิงอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพ เพียงพอและเหมาะสมกับจำนวนพื้นที่และผู้มาใช้บริการ การเดินสายไฟฟ้า ระบบเสียงและระบบสัญญานต่างๆ ให้เดินในรางหรือร้อยท่อสายไฟซึ่งทำด้วยโลหะ ต้องฝึกซ้อมแผนฉุกเฉิน เป็นต้น
2.ต้องมีระบบสายไฟฟ้าที่มีมาตรฐานที่ออกแบบวางแผนตามหลักวิศวกรรม พร้อมอุปกรณ์ตัดไฟ และติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญทางวิชาชีพ
3.ควรติดตั้งแบบแปลนแผนผังอาคาร ซึ่งแสดงตำแหน่งที่ติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิง ทางหนีไฟ ทางออก และประตูทางออก ไว้ในตำแหน่งที่ผู้มาใช้บริการเห็นได้ชัดเจน
4.จัดให้มีระบบไฟฟ้าสำรอง สำหรับระบบสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ ไฟฉุกเฉิน ป้ายบอกทางหนีไฟชนิดเรืองแสง
5.ควบคุมความจุคนของผู้ใช้บริการ หรือผู้ที่เข้าร่วมงานที่มีความเหมาะสม เพื่อความปลอดภัย ในการใช้อาคาร
6.ควรฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินแก่พนักงาน เพื่อเป็นผู้นำแก่ลูกค้าในยามเกิดเหตุ โดยกำหนดบุคคลและบทบาทหน้าที่ชัดเจนในดูแลระบบความปลอดภัยและการป้องกันอันตรายจากอัคคีภัยตลอดเวลาที่เปิดบริการ และเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ใครต้องทำอะไร
7.ก่อนเปิดบริการหรือจัดงานอีเว้นท์ ควรจัดให้มีการตรวจสอบเครื่องดับเพลิง หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการดับเพลิงให้มีความพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลาที่มีการเปิดบริการ
8.ระหว่างจัดงานหรือเปิดบริการ ควรประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการและผู้เข้าร่วมงานทราบ ถึงทางเข้าออกและทางหนีไฟ รวมทั้งข้อควรปฏิบัติกรณีเหตุฉุกเฉิน
9.วัสดุโฟมซับเสียงหลีกเลี่ยงการตกแต่งอาคารสถานที่ด้วยวัสดุตกแต่งที่ติดไฟง่ายหรือลามไฟเร็ว และงดการใช้อุปกรณ์เอฟเฟค ของเล่น ที่ทำให้เกิดประกายไฟในสถานที่จัดงานหรือสถานบริการโดยเด็ดขาด
10.ควรพิจารณาทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองเหตุที่อาจเกิดโดยไม่คาดคิด
สำหรับ ข้อแนะนำสำหรับประชาชน มีดังนี้
- การใช้บริการของสถานบริการและสถานบันเทิง ควรตรวจสอบการใช้งานของระบบป้องกันอัคคีภัยของอาคาร และบริเวณโดยรอบสถานบริการ
- ศึกษาข้อมูลเส้นทางหนีไฟ ประตูฉุกเฉินภายในอาคารที่เข้าไปใช้บริการ
- กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ผู้มาใช้บริการต้องมีสติสัมปชัญญะ และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ประกอบการหรือผู้จัดงานอย่างเคร่งครัดตามที่มีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบ
- หมอบคลานต่ำหรือย่อตัวใกล้กับระดับพื้นมากที่สุด เนื่องจากอากาศบริสุทธิ์อยู่เหนือระดับพื้นไม่เกิน 1 ฟุต เพื่ออพยพไปสู่ประตูทางออกฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุด
- หากเป็นอาคารสูง งดการใช้ลิฟท์ หรือบันไดในอาคารในการอพยพ ควรใช้บันไดหนีไฟนอกอาคาร เพื่อลดความเสี่ยงจากการสูดควัน