สรุป #น้ำท่วม2567 (26 ก.ย. 67)

วันนี้ จุดไหนเสี่ยง พื้นที่ไหนได้รับผลกระทบ แนวทางรับมือ เยียวยาน้ำท่วม มีมาตรการอะไรน่าสนใจ The Active รวบรวมเอาไว้ให้แล้ว!

สทนช. ประกาศ ‘ลำปาง-ตาก-เชียงใหม่’ และ ‘ร้อยเอ็ด’ เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง

เวลา 7.00 น. สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประกาศเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง เนื่องจากขณะนี้ยังเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำบางพื้นที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำและชุมชนริมแม่น้ำได้ จึงขอให้เฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง ดังนี้

วันที่ 24 ก.ย. – 3 ต.ค. 67 ในพื้นที่ลุ่มน้ำวัง

  • จ.ลำปาง ระดับน้ำมีแนวโน้มล้นตลิ่ง บริเวณที่ลุ่มต่ำ อ.เถิน ประมาณ 0.2 – 0.5 ม. ในช่วงวันที่ 28 ก.ย. – 2 ต.ค. 2567
  • จ.ตาก ระดับน้ำมีแนวโน้มล้นตลิ่ง บริเวณที่ลุ่มต่ำ อ.สามเงา ประมาณ 1.0 – 1.3 ม. ในช่วงวันที่ 24 ก.ย. – 3 ต.ค. 2567

วันที่ 25 – 30 ก.ย. 67 ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำปิง โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ มีแนวโน้มล้นตลิ่ง โดยจะมีระดับน้ำสูงสุด ในวันที่ 26 – 27 ก.ย. 2567 ประมาณ 1.0 – 1.5 ม. จึงขอให้เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้น เตรียมรับมือจากสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งและท่วมขังบริเวณริมแม่น้ำปิงและแม่น้ำสาขา รวมทั้งแจ้งเตือนล่วงหน้าให้แก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง

  • อ.เมือง ในพื้นที่ ต.ช้างคลาน ป่าแดด หายยา ช้างม่อย วัดเกต ช้างเผือก หนองหอย ท่าศาลา ฟ้าฮ่าม ป่าตัน สันผีเสื้อ และหนองป่าครั่ง
  • อ.สารภี ในพื้นที่ ต.หนองผึ้ง และท่าวังตาล

ทั้งนี้ สทนช. ได้มีการร่วมบูรณาการข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับวางแผนเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับฝนที่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขังลำน้ำยัง ช่วงวันที่ 26-29 ก.ย.2567 ในริมลำน้ำยัง จ.ร้อยเอ็ด โดยมีรายละเอียด ดังนี้

จากปริมาณฝนตกหนักบริเวณ จ.กาฬสินธุ์ และ จ.ร้อยเอ็ด ส่งผลให้ระดับน้ำในลำน้ำยัง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าระดับน้ำล้นตลิ่งในช่วงวันที่ 26-29 ก.ย.นี้ ประมาณ 0.30-0.90 ม. และจะไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำนอกเขตพนังกั้นน้ำ ริมสองฝั่งของลำน้ำยัง บริเวณ อ.เสลภูมิ และ อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด

ทั้งนี้ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความมั่นคงอาคารป้องกันริมแม่น้ำและเสริมคันกั้นน้ำ บริเวณจุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ รวมทั้งแจ้งเตือนล่วงหน้าให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำ

น้ำปิง จ.เชียงใหม่ ล้นตลิ่ง 4.93 ม. โค่นสถิติปี 54

Thai PBS News รายงานสถานการณ์หลังน้ำปิงล้นตลิ่ง จ.เชียงใหม่ วานนี้ (25 ก.ย. 67) โดย นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมเชียงใหม่เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เมื่อเวลา 03.00 น. สถิติระดับน้ำปิงขึ้นสูงสุด วัดได้ 4.93 ม. ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำสูงสุดที่เคยวัดได้ เมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 (ระดับ 4.90 ม.) ส่งผลให้น้ำหลากท่วมพื้นที่เศรษฐกิจเมืองเชียงใหม่ โรงพยาบาลลานนา ส่วนราชการ ตลาดไนท์บาซาร์ เป็นวงกว้าง ก่อนจะลดระดับลงในช่วงเช้า

ล่าสุด เมื่อเวลา 08.00 น. ระดับน้ำปิงวัดได้ 4.84 ม. และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ลดลงตามลำดับ ชั่วโมงละ 1-2 ซม. หากลดลงถึง 4.30 ม. น้ำที่ท่วมในเขตเมืองจะลงอย่างรวดเร็ว และมวลน้ำจะไปบริเวณโซน 7

น้ำท่วมกระทบ รร.ในเชียงใหม่ หยุดกรณีพิเศษ 13 แห่ง

Thai PBS News รวบรวมรายชื่อโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้ประกาศหยุดเรียนเป็นกรณีพิเศษ และประกาศปิดภาคเรียน ดังต่อไปนี้

  • โรงเรียนเชียงใหม่คริสเตียน หยุดเรียนกรณีพิเศษเพิ่ม 1 วัน วันพฤหัสบดี ที่ 26 กันยายน 2567
  • โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ปิดภาคเรียนที่ 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน และเปิดภาคเรียนที่ 2 ในวันที่ 15 ตุลาคม
  • โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย แผนกประถม หยุดเรียนเป็นกรณีพิเศษ วันที่ 26 และวันที่ 27 กันยายน 2567
  • โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย แผนกมัธยม หยุดเป็นกรณีพิเศษ วันที่ 26 ถึงวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2567
  • โรงเรียนพระหฤทัยเชียงใหม่ ปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน และเปิดภาคเรียนที่ 2 ในวันที่ 16 ตุลาคม
  • โรงเรียนดาราวิทยาลัย หยุดเรียนกรณีพิเศษ วันที่ 26 กันยายน
  • โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย ปิดภาคเรียนที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน- 15 ตุลาคม
  • โรงเรียนวิชัยวิทยา ปิดภาคเรียนที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน และ เปิดภาคเรียนที่ 2 วันที่ 21 ตุลาคม
  • โรงเรียนจิตราวิทยา จ.เชียงใหม่ ปิดเรียนเพิ่ม วันที่ 26-27 กันยายน
  • วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา เชียงใหม่ หยุดเรียนเป็นกรณีพิเศษ วันที่ 26-27 กันยายน
  • โรงเรียนเทศบาลวัดป่าแพ่ง นครเชียงใหม่ หยุดเรียนเป็นกรณีพิเศษ วันที่ 26-27 กันยายน
  • โรงเรียนวัดท่าต้นกวาว หยุดเรียนเป็นกรณีพิเศษ วันที่ 26 กันยายน
  • โรงเรียนเทศบาลวัดพวกช้าง เทศบาลนครเชียงใหม่ หยุดเรียนเพิ่มเติม วันที่ 26-27 กันยายน

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประกาศให้ผู้ปฏิบัติงานบางส่วนที่ไม่สามารถเดินทางมาปฏิบัติงาน ณ ที่ตั้ง แต่ยังสามารถปฏิบัติงานที่บ้าน (Work From Home) ได้ 

รถไฟสายเหนือ ปรับเส้นทาง 12 ขบวน

การรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งปรับเส้นทางเดินขบวนรถ โดย วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ตัวเมือง จ.เชียงใหม่ มีมวลน้ำจากแม่น้ำปิงเอ่อล้นทะลักเข้าภายในพื้นที่เขตตัวเมืองชั้นใน ทำให้เกิดน้ำท่วมทางรถไฟ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 745/9-13 และ 750/1-4 ระหว่างสถานีสารภี – เชียงใหม่ โดยมีระดับน้ำสูงเหนือสันราง 5 เซนติเมตร และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การรถไฟฯ ขอแจ้งปรับเปลี่ยนสถานีต้นทาง-ปลายทาง ขบวนรถโดยสารภาคเหนือ จากสถานีเชียงใหม่ เป็นสถานีลำปาง เป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์น้ำจะลดลง เพื่อดูแลความปลอดภัยในการเดินทาง จำนวน 12 ขบวน ดังนี้

  • รถด่วนพิเศษขบวนที่ 7/8 กรุงเทพอภิวัฒน์ – เชียงใหม่ – กรุงเทพอภิวัฒน์ ปรับเปลี่ยนเป็น กรุงเทพอภิวัฒน์ – ลำปาง – กรุงเทพอภิวัฒน์
  • รถด่วนพิเศษขบวนที่ 9/10 กรุงเทพอภิวัฒน์ – เชียงใหม่ – กรุงเทพอภิวัฒน์ ปรับเปลี่ยนเป็น กรุงเทพอภิวัฒน์ – ลำปาง – กรุงเทพอภิวัฒน์
  • รถด่วนพิเศษขบวนที่ 13/14 กรุงเทพอภิวัฒน์ – เชียงใหม่ – กรุงเทพอภิวัฒน์ ปรับเปลี่ยนเป็น กรุงเทพอภิวัฒน์ – ลำปาง – กรุงเทพอภิวัฒน์
  • รถด่วนขบวนที่ 51/52 กรุงเทพอภิวัฒน์ – เชียงใหม่ – กรุงเทพอภิวัฒน์ ปรับเปลี่ยนเป็น กรุงเทพอภิวัฒน์ – ลำปาง – กรุงเทพอภิวัฒน์
  • รถเร็วขบวนที่ 109/102 กรุงเทพอภิวัฒน์ – เชียงใหม่ – กรุงเทพอภิวัฒน์ ปรับเปลี่ยนเป็น กรุงเทพอภิวัฒน์ – ลำปาง – กรุงเทพอภิวัฒน์
  • รถท้องถิ่นขบวนที่ 407/408 นครสวรรค์ – เชียงใหม่ – นครสวรรค์ ปรับเปลี่ยนเป็น นครสวรรค์ – ลำปาง – นครสวรรค์

การรถไฟฯ จะอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร โดยจัดรถยนต์ให้บริการระหว่าง สถานีลำปาง สถานีลำพูน และสถานีขนส่งอาเขต จังหวัดเชียงใหม่ ดังนี้

  • รถด่วนพิเศษขบวนที่ 9 กรุงเทพอภิวัฒน์ – เชียงใหม่ ขนถ่ายผู้โดยสารที่ สถานีลำพูน
  • รถด่วนพิเศษขบวนที่ 13 กรุงเทพอภิวัฒน์ – เชียงใหม่ ขนถ่ายผู้โดยสารที่ สถานีลำปาง
  • รถด่วนขบวนที่ 51 กรุงเทพอภิวัฒน์ – เชียงใหม่ ขนถ่ายผู้โดยสารที่ สถานีลำปาง

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งให้ความช่วยเหลือ ดูแลความปลอดภัยในการเดินทางแก่ผู้โดยสาร เพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และเร่งซ่อมแซมทางรถไฟที่ได้รับความเสียหาย ตลอดจนเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าระวังและแก้ไขสถานการณ์อย่างทันท่วงที

นายกฯ ลงพื้นที่ เชียงใหม่-เชียงราย พรุ่งนี้ (27 ก.ย. 67) ด้าน ภูมิธรรมเผย เยียวยาแน่! ครอบครัวละ 5,000 บาท

ภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.เชียงใหม่​ และเชียงราย​ หลังการประชุม ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม​ (ศปช.) ว่า​ น้ำท่วมในครั้งนี้ จะต้องรับมือต่างจากครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากเกิดปัญหาดินโคลนที่ทับถมตามบ้านเรือนเป็นจำนวนมาก จึงต้องทำการประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อฟื้นฟูบ้านเรือนที่ประสบภัยจากโคลนที่มากับน้ำ

โดย พรุ่งนี้ (27 ก.ย. 67) นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ทั้ง จ.เชียงใหม่ และเชียงราย เพื่อรับทราบสถานการณ์ และแนวทางในการแก้ปัญหา ซึ่งจะเป็นการแยกไปดูในจุดวิกฤต

หลังจากนายกฯ ลงพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะมีการสั่งการเรื่องการจ่ายเงินเยียวยาให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ ครม. ได้อนุมัติเงินจำนวน 3,000 ล้านบาท ไปยัง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แล้ว แต่ยังมีปัญหาเรื่องกฎระเบียบการใช้เงิน ซึ่งจะลดขั้นตอนจาก 30 วัน ให้เหลือ 5 วัน โดยเงินก้อนแรกจะจ่ายให้ครอบครัวละ 5,000 บาท ในเบื้องต้นพยายามจะจ่ายให้ทั่วถึงก่อน จากนั้นจะพิจารณาเพิ่มเติม

 

‘อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย’ ยังคงวิกฤต! คาด แม่น้ำยมจาก จ.แพร่ มาเติมเพิ่ม

Thai PBS News รายงานสถานการณ์น้ำท่วม จ.สุโขทัย โดย วิทยา สันติกุล นายอำเภอศรีสำโรง ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤต เนื่องจากคันกั้นแม่น้ำยมแตกจนทำให้น้ำทะลักไหลเข้าท่วมพื้นที่ อีกทั้งระดับน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีถนนเรียบแม่น้ำพังบางจุด

โดยเฉพาะ บริเวณหมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 9 ต.ทับผึ้ง อ.ศรีสำโรง เนื่องจากถนนเรียบแม่น้ำยมซึ่งถือเป็นคันกั้นน้ำแตกเป็นระยะทางยาวกว่า 20 เมตร กระทบถึงบ้านเรือน 500 หลังคาเรือน และมีประชาชนเดือดร้อนกว่า 1,000 คน ซึ่งก่อนหน้านี้ในพื้นที่หมู่ 6 ต.วังใหญ่ อ.ศรีสำโรง เจ้าหน้าที่ได้ทำบิ๊กแบ็ค 2 ชั้นเพื่อป้องกันน้ำท่วมซ้ำ แต่ชั้นแรกต้านกระแสน้ำไม่อยู่ ส่งผลให้น้ำทะลักเข้าท่วมบ้าน 40 หลังคาเรือน จากครั้งก่อนที่ท่วม 500 หลังคาเรือน

ด้าน ประชาชน มีการรวมตัวกันสร้างฝายชะลอน้ำ เพื่อไม่ให้มวลน้ำเข้าท่วมบ้านเรือน หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำยมที่ จ.แพร่ ยังมีปริมาณมากและคาดว่าจะมาเติมที่ จ.สุโขทัย อีกทั้งยังมีความเสี่ยงเรื่องน้ำจะกัดเซาะถนนปิ่นวิเศษ บริเวณถนนเรียบคลองแม่น้ำยมหรือพนังกั้นน้ำพัง เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่าน

ลุ่มภาคกลางยังรอด! เส้นทางน้ำเหนือไม่กระทบ

Thai PBS News รายงานสถานการณ์น้ำลุ่มภาคกลาง จากการประมวลผลแม่น้ำ ทั้งแม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน พบว่า ขณะนี้สถานการณ์ไม่น่ากังวล เนื่องจากเส้นทางน้ำเหนือสามารถควบคุมได้โดยไม่กระทบกับภาคกลาง ดังนี้

  • น้ำปิง จาก จ.เชียงใหม่ ลงเขื่อนภูมิพลทั้งหมด เพราะขณะนี้น้ำในเขื่อนมีเพียงครึ่งเดียว จึงสามารถรับมวลน้ำได้อีกจำนวนมาก
  • น้ำยม จาก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ขณะนี้คันดินแตก และน้ำท่วมขยายวงกว้างเพิ่มขึ้น (หากจะมาถึงเมืองสุโขทัย ก็จะโดนผันไปตะวันออก ไปลงแม่น้ำยมสายเก่า และลงบางระกำ) ขณะนี้รับน้ำได้อีกประมาณ 100 ล้าน ลบ.ม. หรือไปลงน่าน ก็จะลงบึงบอระเพ็ด ซึ่งรับน้ำได้อีก 100 ล้าน ลบ. ม. เช่นเดียวกัน
  • น้ำเจ้าพระยา มีการระบายน้ำประมาณ 1,500 ลบ.ม.ต่อวินาที และวันที่ 27 ก.ย. นี้ อาจระบายน้ำเพิ่มขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมรองรับหากมีฝนตก ซึ่งยังเป็นไปตามแผน โดยจะไหลลงอ่าวไทยช่วงที่น้ำทะเลลดพอดี คือ ช่วงวันที่ 2-3 ต.ค. นี้

ส่วน ระดับน้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มขึ้นใน จ.นครสวรรค์ และ จ.ชัยนาท จากการรายงานของ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อเวลา 07.00 น. พบว่า ขณะนี้ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าตลิ่ง แม้ว่าจะมีฝนตกทางพื้นที่ตอนบนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้มีปริมาณไหลลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น แต่ กรมชลประทาน ได้มีการทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำทางตอนบนและฝนที่ตกในระยะนี้

อย่างไรก็ตาม จะมีน้ำท่วมพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ อ.บางบาล อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยกรมชลประทานพยายามส่งน้ำเข้าระบบชลประทานบางส่วน เพื่อไม่ให้ อ.บางบาล อ.เสนา มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นมากนัก

ด้าน กทม. ยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่ขอให้จับตาฝนภาคกลาง ช่วงปลายเดือน ก.ย. ถึง ต้นเดือน ต.ค. ซึ่งคาดว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าจะจัดการได้ เพราะยังมีพื้นที่ทุ่ง 10 ทุ่ง เป็นมาตรการสุดท้าย ร่วมกับการผันน้ำไปซ้ายขวา ตามศักยภาพการระบายของคลอง

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active