สรุป #น้ำท่วม2567 (7 ต.ค. 67)

วันนี้ จุดไหนเสี่ยง พื้นที่ไหนได้รับผลกระทบ แนวทางรับมือ เยียวยาน้ำท่วม มีมาตรการอะไรน่าสนใจ The Active รวบรวมเอาไว้ให้แล้ว!

ยังขาดคนช่วยฟื้นฟู วิศวกรอาสา เผย บ้านริมแม่น้ำสาย จ. เชียงราย เสี่ยงทรุดซ้ำ

Thai PBS News รายงานสถานการณ์หลังน้ำท่วมหลัง วิศวกรอาสา ลงพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อสำรวจความเสียหายโครงสร้างบ้านเรือนประชาชนเป็นครั้งที่ 2 โดยพบว่าโครงสร้างบ้านที่ติดกับแนวแม่น้ำสาย ในพื้นที่ชุมชนสายลมจอย อ.แม่สาย จ.เชียงรายพังเสียหายเกือบทั้งหมด ส่งผลให้ทางเจ้าของบ้านไม่มั่นใจในความปลอดภัยหากต้องกลับเข้าไปฟื้นฟูบ้าน 

จากการตรวจสอบและประเมินในเบื้องต้นของทีมวิศวกรอาสา พบว่า โครงสร้างบ้านที่มีการต่อเติม ก่อสร้างแนวแม่น้ำสายอยู่ในโซนสีแดง ไม่สามารถกลับเข้าไปอยู่อาศัยได้ ประกอบกับรากฐานของโครงสร้างบ้านอาจจะเกิดการทรุดตัวได้ตลอดเวลา เนื่องจากน้ำยังคงท่วมขัง

นอกจากนี้ บัณฑิตย์ พันธ์พลากร สมาชิกสภาเทศบาลตำบลเวียงพางคำ อ.แม่สาย บอกว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ของทีมวิศวกรอาสา ทำให้เห็นข้อเท็จจริงหลายอย่าง เช่น โครงสร้างบ้านเรือนประชาชนที่เสียหายจากดินถล่ม และบ้านเรือนที่พังเสียหายจากกระแสน้ำพัดจนเกิดการทรุดตัว ซึ่งถือว่าอันตรายและไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย แต่สิ่งที่ขาดคือบุคลากรที่มีความรู้ ทางด้านวิศวะ งานช่าง รวมถึงแรงงานที่จะต้องเข้ามาฟื้นฟูความเสียหาย ที่คาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน จึงจะสามารถฟื้นฟูได้

เชียงใหม่ เช็ก! 3 เส้นทางผ่านไม่ได้

กรมทางหลวงชนบท รายงานสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.เชียงใหม่ โดย มนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท ได้รับรายงานเมื่อเวลา 10.00 น. ว่า มีสายทางที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 3 สายทาง ได้แก่

  • ถนนสาย ชม.3029 ถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี (วงแหวนรอบกลาง) อำเภอเมือง จำนวน 2 แห่ง (ช่วง กม.ที่17+175 ถึง กม.ที่ 17+600 และ ช่วง กม.ที่ 19+200 ถึง 20+400) น้ำท่วมผ่านไม่ได้
  • ถนนสาย ชม.4061 แยก ทล.1095 – บ้านเมืองกี๊ด อำเภอแม่แตง (ช่วง กม.15+000 ถึง 18+511) น้ำท่วมผ่านไม่ได้
  • ถนนสาย ชม.3052 แยก ทล. 107 – บ้านสบเปิง อำเภอแม่แตง (ช่วง กม.ที่ 5+100 ถึง 18+000) น้ำท่วมผ่านไม่ได้

อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท ได้สั่งการให้สำนักงานทางหลวงชนบทที่ 10 (เชียงใหม่) และแขวงทางหลวงชนบทเชียงใหม่ จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิด และได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ประชาสัมพันธ์แก่ชุมชนและผู้ใช้เส้นทางทราบทุกระยะ อีกทั้งได้เน้นย้ำให้ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย เช่น ป้ายเตือน สัญญาณไฟกระพริบ อุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยก่อนถึงจุดเกิดเหตุให้เห็นอย่างชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

‘MCATT สวนปรุง’ ระดมทีมเยียวยาใจผู้ประสบภัยน้ำท่วมเชียงใหม่

Thai PBS News รายงานสถานการณ์การเยียวยาผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์น้ำท่วมและดินโคลนถล่ม จ.เชียงใหม่ โดย นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้ช่วยอธิบดีกรมสุขภาพจิตและผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวนปรุง ระบุว่า มีประชาชนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก โดยพบว่าประชาชนเกิดความเครียด ความวิตกกังวล หวาดผวา หวาดกลัว อีกทั้งยังมีกลุ่มติดบ้าน-ติดเตียง และกลุ่มเปราะบาง ที่ต้องการอพยพไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัยและได้รับการช่วยเหลือดูแล

ในส่วนของโรงพยาบาลสวนปรุง ได้ระดมทีมเยียวยาจิตใจลงพื้นที่ และเปิด “ศูนย์ปฏิบัติการเยียวยาจิตใจ และศูนย์พักพิงกลุ่มติดบ้านติดเตียง และกลุ่มเปราะบาง”  ซึ่งประกอบไปด้วย จิตแพทย์, นักจิตวิทยา, พยาบาลจิตเวช และสหวิชาชีพ จากกรมสุขภาพจิต ร่วมกับ ทีม MCATT, รพ.ฝาง, รพ.แม่ออน และ สสจ.ลำปาง โดยแบ่งทีมลงพื้นที่ ร่วมกับ MERT mini MERT เยียวยาจิตใจ

ขณะที่ ศูนย์พักพิงโรงเรียนวัดป่าแดด มีผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 38 คน และในพื้นที่ท่าใหม่อิ (จุดใต้สะพาน) คาดการณ์ผู้ได้รับผลกระทบมีประมาณ 100 คน รวมถึง อ.สันป่าตอง ที่ได้รับผลกระทบหลายตำบล ซึ่งได้ส่งทีมเพื่อประเมินสถานการณ์ร่วมกับพื้นที่ ในส่วนของการรองรับกลุ่มติดบ้านติดเตียง กลุ่มเปราะบาง โดยได้เตรียมหอผู้ป่วยไว้ 2 อาคาร แยกชายหญิง รวม 40 เตียง

ปัจจุบันมีผู้เข้าพักจำนวน 23 เตียง ชาย 11 ราย หญิง 12 ราย ญาติผู้ดูแล 11 ราย สำหรับผู้ป่วยจิตเวชเดิม ทีมสุขภาพจิตจะดำเนินการในพื้นที่ในการเฝ้าระวังไม่ให้ผู้ป่วยขาดยา และเตรียมทีมดูแลเยียวยาจิตใจ MCATT ในการลงพื้นที่เพื่อเยียวยาจิตใจผู้ประสบภัยในระยะวิกฤตฉุกเฉิน เพื่อให้ประชาชนได้รู้สึกผ่อนคลายจากสถานการณ์

ภูมิธรรม ช่วยน้ำท่วมเต็มที่! เร่งปรับแก้ระเบียบเงินเยียวยา

Thai PBS News รายงานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.เชียงใหม่ และ เชียงราย เริ่มคลี่คลาย โดยเจ้าหน้าที่กรมการทหารช่าง อุดแนวรั่วได้ทั้งหมดแล้ว

ส่วนเรื่องเสบียงอาหารในภาพรวม พบว่าไม่มีปัญหาเลย แต่อาจมีบางส่วนที่ยังติดขัดอยู่บ้างเพราะน้ำท่วมทั้งจังหวัด ซึ่งในส่วนนี้ ภูมิธรรม ได้กล่าวขอโทษที่ยังทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ และจะพยายามเข้าไปแก้ไขปัญหาให้ได้มากที่สุด ซึ่งทุกส่วนก็พยายามแก้ไขปัญหากันอยู่แล้ว และยืนยันว่ารัฐบาลพยายามรับฟัง แก้ไขปัญหาและทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างการจัดการปัญหาเรื่องโคลน ซึ่งหลายส่วนสามารถเคลียร์ออกมาได้แล้ว และได้มีการเพิ่มรถยกสูงขนาดใหญ่เข้าไปช่วยลำเลียงคนออกจากพื้นที่ คาดว่าใน 2 วันนี้ สถานการณ์จะคลี่คลาย ส่วนการขนย้ายช้างและคนที่อยู่รอบลำน้ำปิง ได้นำออกมาหมดแล้ว

อย่างไรก็ตาม ภูมิธรรม ยอมรับว่าหลักเกณฑ์เยียวยาประชาชนที่จะปรับเป็น 9,000 บาททุกครัวเรือนนั้น มีปัญหาเรื่องระเบียบจนไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งพรุ่งนี้ (8 ต.ค.) จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อทำเรื่องอนุมัติย้อนหลัง อีกทั้งไม่ควรพูดเรื่องหลักเกณฑ์ 3,000  / 5,000 / 7,000 แล้ว ซึ่งในส่วนนี้ต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ระเบียบกฎเกณฑ์อีกหลายอย่าง เพราะตอนนี้มีเพียงหลักเกณฑ์เก่าซึ่งจะพยายามให้กระทรวงมหาดไทย สั่ง ปภ. เร่งจ่ายดูแลประชาชนไปพลางก่อน และหลังจากนี้จะหารือกับกฤษฎีกาต่อไป

ส่วนเงินเยียวยา ที่ถูกมองว่าไม่สมดุลกับความเสียหายนั้นนายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่สมดุลอยู่แล้ว เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านมาและเป็นเหตุการณ์ที่โคลน สิ่งที่วางไว้เป็นกฎเกณฑ์เก่า ซึ่งต้องทำตามกฎเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตไว้

นอกจากนี้ ภูมิธรรม ยังกล่าวถึง กรณีที่ประชาชนร้องเรียนเรื่องสายด่วน 1567 ซึ่งได้รับการช่วยเหลือล่าช้า ว่า จะเร่งแก้ไข แต่ขอให้เข้าใจและคำนึงในส่วนของหน้างานว่าเจ้าหน้าที่ทำงานกันหนักจริง ๆ จึงอยากขอความกรุณาให้คิดในมุมบวกบ้าง

น้ำทะลัก รพ.สุโขทัย หลังฝนตกหนัก-น้ำยมเพิ่มสูง

Thai PBS News รายงานสถานการณ์น้ำท่วม จ.สุโขทัย หลังแม่น้ำยมและคลองแม่ลำพันล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ ใน อ.เมืองสุโขทัย และ อ.ศรีสำโรง โดยขณะนี้ ทหารร่วมกับเจ้าหน้าที่ชลประทาน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้เร่งนำแผ่นเหล็กเข้าปิดกั้นประตูทางเข้าโรงพยาบาลสุโขทัย ก่อนจะใช้เครื่องสูบน้ำ สูบระบายน้ำออกจากโรงพยาบาล ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา (6 ต.ค. 67) เจ้าหน้าที่พยายามวางแนวป้องกันน้ำแต่ไม่สำเร็จทำให้น้ำท่วมทะลักเข้าท่วมสูงประมาณ 30 ซม. จนทำให้รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้

ล่าสุด ในช่วงเช้าวันนี้ (7 ต.ค. 67) ทีม ปภ.สุโขทัย ได้นำรถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย ออกบริการประชาชนเพื่ออำนวยความสะดวกในการรับ – ส่ง ประชาชนจากบริเวณหน้า Big C สุโขทัย ไปยังโรงพยาบาลสุโขทัย

ส่วนที่บ้านหมู่ 6 ต.วังใหญ่ อ.ศรีสำโรง แม่น้ำยมไหลเอ่อท่วมถนนสายสุโขทัย-ตาก จนทำให้รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ เนื่องจากน้ำได้ไหลข้ามถนนทั้งฝั่งขาขึ้นและขาล่อง สูงกว่าครึ่งเมตร

สำหรับน้ำที่ไหลบ่ามาจากแม่น้ำยมประกอบมีฝนตกหนักในพื้นที่ติดต่อกันหลายวัน คาดว่าจะไหลต่อไปยังบริเวณ ต.ปากแคว อ.เมืองสุโขทัย และ ต.บ้านกล้วย ก่อนที่จะไหลลงคลองแม่รำพันต่อไป

โฆษก กษ. เชื่อ! เขื่อนเจ้าพระยา ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต หลังมวลน้ำเหนือมาแล้ว

Thai PBS News รายงานสถานการณ์ลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดย เอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) แถลงข่าวเพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำท่วม ว่า ขณะนี้ระดับน้ำปิงต่ำกว่าเขื่อนแล้ว  โดยสำนักงานชลประทาน 1 เชียงใหม่ คาดว่าถ้าไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มสถานการณ์จะคลี่คลายภายใน 2-3 วันนี้ ซึ่งได้เตรียมเครื่องสูบน้ำ 40 เครื่อง และทำงานแล้ว 27 ตัว ส่วนพื้นที่่รอบนอกคาดว่า 1-2 สัปดาห์

นอกจากนี้ เอกภาพ กล่าวอีกว่า ในส่วนเขื่อนเจ้าพระยาเชื่อว่ายังไม่ถึงขั้นวิกฤต ขณะนี้ปริมาณน้ำเหนือลงมาถึงเขื่อนเจ้าพระยาแล้ว เนื่องจากยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 1,500 ลบ.ม. โดยไม่มีน้ำทะเลหนุน อีกทั้งได้มีการระบายน้ำออกสู่ทุ่งรับน้ำตะวันออก และตะวันตก โดยจะคงอัตราระบายน้ำที่ตัวเลข 2,200 ลบ.ม.ต่อวินาที

ขณะที่ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ดังนี้

  • สถานี C2 อ.เมืองนครสวรรค์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,359 ลบ.ม.ต่อวินาที มีแนวโน้มลดลง จากเมื่อวาน 6 ซม. ต่ำกว่าตลิ่งอยู่ 1.98 เมตร
  • สถานี C13 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,199 ลบ.ม.ต่อวินาที ทรงตัวจากเมื่อวานนี้ (6 ต.ค.) ระดับน้ำท้ายเขื่อนต่ำกว่าตลิ่งอยู่ 1.24 เมตร

การระบายน้ำในอัตราดังกล่าว จะส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาและพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหากระดับน้ำทางตอนบนเพิ่มสูงขึ้น จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น โดยบริเวณดังต่อไปนี้

จ.อ่างทอง

  • บริเวณคลองโผงเผง
  • วัดไชโย อ.ไชโย

จ.พระนครศรีอยุธยา

  • คลองบางบาล
  • อ.เสนา : ต.หัวเวียง
  • อ.ผักไห่ : ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง

จ.สิงห์บุรี 

  • วัดสิงห์ อ.อินทร์บุรี
  • อ.เมือง
  • อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี 

ปิง-วัง-ยม-น่าน เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว

Thai PBS News สรุปสถานการณ์น้ำท่วม โดย ฐนโรจน์ วรรัฐประเสริฐ ผอ.ศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เปิดเผยถึงสถานการณ์ จ.เชียงราย ว่าน้ำจากลำน้ำต่าง ๆ ทั้งลำน้ำแม่สวย ลำน้ำแม่กก หรือลำน้ำสาย ระดับน้ำกลับเข้าสู่แนวตลิ่ง และอยู่ในช่วงระหว่างการฟื้นฟูพื้นที่ ดังนี้

  • ลำน้ำปิง มีแนวโน้มลดต่ำกว่าตลิ่ง จากการประเมินระดับน้ำในพื้นที่ตอนล่างลงไปจะไม่เพิ่มเติมไปจากนี้แล้ว  โดยจะอยู่ในแนวโน้มขาลง และจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว สำหรับพื้นที่ลุ่มต่ำก็ยังคงมีน้ำที่ค้างอยู่และจะต้องระบายลงมา ซึ่งปริมาณดังกล่าวจะไหลเข้าสู่เขื่อนภูมิพล
  • ลำน้ำวัง ขณะนี้ระดับน้ำอยู่ต่ำกว่าตลิ่งในช่วง 1.9-3.5 เมตร และมีการปรับลดการระบายน้ำลง จากเขื่อนกิ่วลมน้อยกว่า 150 ลบ.ม.ต่อวินาทีได้แล้ว ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำวังลดระดับลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติ รวมทั้งพยายามที่จะหน่วงน้ำของเขื่อนไม่ให้มีการระบายเพิ่มเติม เพื่อจะอยู่ในหมวดของการเก็บ และลดปริมาณน้ำหลากในส่วนของลุ่มน้ำ
  • ลุ่มน้ำยม มวลน้ำเคลื่อนตัวผ่านตัวเมืองสุโขทัย ลงไปสู่ทุ่งบางระกำตอนล่าง และไปที่ จ.พิจิตร ตามลำดับ
  • ลำน้ำน่าน ขณะนี้น้ำกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ต่อไปน้ำจะไหลเข้าสู่เขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำในเขื่อนเพิ่มเป็น 95% และจะกักเก็บน้ำไว้เพื่อลดการลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา

ทั้งนี้ น้ำจะขึ้นสูงสุดอีกครั้งในช่วงวันที่ 18 ต.ค. โดย ฐนโรจน์ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่บริเวณริมน้ำปิง วัง ยม น่าน ถึงท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ถึง นนทบุรี เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ ซึ่งจากการประเมินปริมาณน้ำจะไหลท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และเตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง 

4 เขื่อนหลักรับน้ำเหนือ

Thai PBS News รายงานปริมาณการเก็บกักน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง ใน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา โดยพบว่าทั้ง 4 เขื่อนใหญ่มีรวมปริมาณ 19,650 ลบ.ม. หรือ 79% ยังรองรับน้ำได้อีก 5,221 ลบ.ม. ดังนี้

  • เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำกักเก็บ 9,321 ลบ.ม. คิดเป็น 69% ยังรองรับน้ำได้อีก 4,141 ลบ.ม. ลบ.ม.
  • เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำกักเก็บ 8,920 ลบ.ม. คิดเป็น 94% ยังรองรับน้ำได้อีก 590 ลบ.ม. ยังระบายน้ำวันละ 500 ลบ.ม.ต่อวินาที
  • เขื่อนแควน้อย มีปริมาณน้ำกักเก็บ 738 ลบ.ม. คิดเป็น 79% ยังรองรับน้ำได้อีก 201 ลบ.ม.
  • เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำกักเก็บ 670 ลบ.ม. เป็น 70% ยังรองรับน้ำได้อีก 290 ลบ.ม.

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active