อ.พระพรหม น้ำยังไหลเชี่ยวแรง เรืออาสาเข้าพื้นที่ไม่ได้ จำเป็นต้องใช้เจ็ตสกี เข้าให้ความช่วยเหลือในชุมชน หวั่นรับมวลน้ำจากคีรีวงเพิ่ม
วันนี้ (16 ธ.ค. 67) โกเมศร์ ทองบุญชู ผู้ประสานงานเครือข่ายจัดการภัยพิบัติ ให้สัมภาษณ์ในรายการ ตรงประเด็น ไทยพีบีเอส ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยระบุว่า ในพื้นที่ ต.ท้ายสำเภา อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช น้ำยังไหลเชี่ยว ไม่สามารถใช้เรือเข้าไปในพื้นที่ได้ จำเป็นต้องใช้เจ็ตสกีเท่านั้น แต่พื้นที่ยังขาดแคลน
โดย ต.ท้ายสำเภา อ.พระพรหม เป็นเส้นหลักที่จะมุ่งไปสู่ อ.ทุ่งสง สถานการณ์ตอนนี้มีน้ำเต็มไปหมด และหนักกว่าปี 2563 เพราะกระแสน้ำมาเร็ว และรุนแรง ส่งผลให้การเข้าไปช่วยเหลือทำได้ค่อนข้างยากลำบาก
“ส่งเรือเข้าไป 2 ลำ ก็ต้องถอนออกมา เพราะว่ากระแสน้ำเชี่ยว บังคับเรือไม่ได้ ส่วนอีกลำเครื่องยนต์เสียหาย เราไม่สามารถเอาเรือออกมาได้ ต้องลุยน้ำออกมาประมาณกิโลกว่า บางจุดต้องใช้เชือกทำสะพานออกมา”
โกเมศร์ ทองบุญชู
‘เจ็ตสกี’ ไม่มี เรือเข้าพื้นที่ไม่ได้
โกเมศร์ ระบุว่า จากที่ที่ประเมินร่วมกับ นายก อบต.ท้ายสำเภา พบว่า ไม่สามารถใช้เรือกู้ภัยเข้าไปช่วยได้แล้วในบางจุด ดังนั้นอุปกรณ์เดียวที่จะสามารถเข้าช่วยเหลือได้ นั่นคือ เจ็ตสกี แต่ปัญหาใหญ่ คือ เจ็ตสกีในพื้นที่ไม่มี ตอนนี้มีเพียงเจ็ตสกีของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เพียง 1 ลำ กับภารกิจทั้งตำบลค่อนข้างทำงานยาก แต่เข้าใจเพราะต้องแบ่งออกไปหลายพื้นที่
“จริง ๆ ต้องการอย่างน้อย 3 ลำ เพราะยังมีคนติดอยู่บนต้นมะพร้าว ต้นปาล์มก็มี รอการช่วยเหลือ ผมอยู่ที่นี่มีสายเข้ามาเยอะขอความช่วยเหลือ แต่เราไม่สามารถทำได้ ช่วยได้แค่บางจุด เพราะกระแสน้ำที่ลงมาเชี่ยวมากจาก อ.ลานสกา จากคีรีวง ซึ่งปริมาณน้ำเทียบกับปีอื่น ๆ นายก อบต.บอกว่ามากกว่าปีอื่น”
โกเมศร์ ทองบุญชู
ย้ำทีมช่วยเหลือต้องระวังความเสี่ยง
ส่วนกลุ่มที่ประสานเข้ามาขอความช่วยเหลือ โกเมศร์ ระบุว่า มีทั้งผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ ซึ่งได้เข้าให้การช่วยเหลือ นำออกมาอยู่ในบ้านญาติที่สูงกว่าแล้ว แต่ยังไม่สามารถนำออกมายังจุดปลอดภัยได้แล้ว เพราะมีความเสียง ตอนนี้ให้การช่วยเหลือในลักษณะที่ว่า บ้านไหนประเมินแล้วเป็นบ้าน 2 ชั้น ที่แข็งแรง หากเป็นญาติเป็นพี่น้องกันอาศัยในชุมชนเดียวกัน ก็จะพาไปฝากไว้ เพราะถ้าขนย้ายออกมาทีเดียวเป็นความเสี่ยงมาก
ทั้งนี้หากประชาชนคนไหนอยู่บนที่สูงแล้วอย่าเพิ่งออกมา เพราะบางคนก็กลัว ตกใจ พยายามออกมา แต่การจะออกมาในขณะที่กระแสน้ำเชี่ยวเป็นความเสี่ยงเกินไป
ส่วนทีมที่เข้าไปช่วยเหลือ หากเครื่องมือไม่พร้อมต้องระวังเรื่องความเสี่ยงในการเข้าไปช่วยเหลือ เพราะมีเรือจากนอกพื้นที่เข้ามาก็ล่ม ตอนนี้ได้ขอสนับสนุนเรือจากพื้นที่อื่นและเข้าที่จุดอื่นบริเวณ ต.โพธิ์เสด็จ และในเขตชานเมือง เพราะเป็นที่ลุ่มไว้ด้วยแล้ว
“ตอนนี้ฝนยังตกในระดับ 1-2 จากการสอบถามต้นน้ำที่ อ.ลานสกา ก็ยังตกอยู่ ต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง เพราะจะมีปริมาณน้ำเติมเข้ามาอีก ประเมินว่าน้ำอาจจะลดช้า เพราะน้ำยังมาไม่หมด”
โกเมศร์ ทองบุญชู
ผู้สื่อข่าว Thai PBS ศูนย์ข่าวภาคใต้ รายงานด้วยว่า เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา เส้นทางเข้าสู่ตัวอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ถูกตัดขาด โดยเฉพาะบริเวณ ต.เสาธง อ.ร่อนพิบูลย์ เเละ ต.ท้ายสำเภา อ.พระพรหม โดยทั้ง 2 ฝั่งจราจรถูกน้ำท่วมสูงโดยเฉพาะฝั่งขาเข้าตัวเมืองนครศรีธรรมราช น้ำสูงกว่า 1 เมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้
ขณะที่น้ำในลำคลองต่าง ๆ เต็มความจุจนเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนของชาวบ้านรวมถึงถนนเกือบทุกสายที่จะมุ่งสู่ตัว อ.เมืองนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ตชด. และทหาร เร่งระดมกำลังเพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชน และอพยพออกจากพื้นที่ที่น้ำท่วมสูงอย่างรวดเร็ว