โครงการส่งน้ำฯ ป่าสักใต้ ระดมผู้นำชุมชน ซ้อมแผนรับมือ แจ้งเตือนภัยน้ำหลาก พร้อมกำหนดเกณฑ์ธง 3 สี เพื่อให้ชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงท้ายเขื่อนพระราม 6 เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำล่วงหน้า โดยเฉพาะช่วง ส.ค. – ต.ค. นี้ คาดว่าจะเป็นช่วงวิกฤตของปี ขณะที่ กรมอุตุฯ คาดปีนี้ ฝนมากกว่าปกติ 15%
กรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่า ฤดูฝนของประเทศไทยปี 2568 จะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนตุลาคมนี้ โดยปริมาณฝนจะเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงกลางเดือนสิงหาคม จนถึงต้นเดือนตุลาคม เป็นช่วงที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะคาดว่าปีนี้ประเทศไทย จะมีปริมาณฝนรวมมากกว่าปกติร้อยละ 15
กิตติพงษ์ รักจรรยา ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ บอกว่า ได้จัดการประชุมผู้นำชุมชน ประชาชน และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ท้ายเขื่อนพระราม 6 อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะชุมชนวัดสะตือ และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำหลากในช่วงฤดูฝน ปี 2568

“นอกจากนี้”ได้เตรียมการพร่องน้ำไว้รองรับแล้ว ส่วนสถานการณ์น้ำเหนือในขณะนี้ น้ำที่ท่วมจังหวัดน่านจากพายุวิภา ได้ไหลเข้าไปในเขื่อนสิริกิติ์ จึงทำให้เขื่อนสิริกิติ์ มีน้ำอยู่ที่ร้อยละ 84 ส่วนเขื่อนภูมิพล มีน้ำอยู่ที่ร้อยละ 64 แล้ว ส่วนเขื่อนพระราม 6 จะรับน้ำมาจากแม่น้ำป่าสัก และ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โดยขณะนี้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังมีน้ำอยู่เพียงร้อยละ 15 เท่านั้น”
กิตติพงษ์ รักจรรยา
เอกชัย สำเนียงใหม่ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ ระบุถึงแผนการบริหารจัดการน้ำของโครงการฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของเขื่อนพระราม 6 โดยในช่วยฤดูน้ำหลาก จะควบคุมปริมาณน้ำหน้าเขื่อนพระราม 6 ให้อยู่ที่ระดับ +6.800 ม.(รทก.) ซึ่งต่ำกว่าระดับเก็บกักปกติ 1 เมตร เพื่อให้ลำน้ำมีพื้นที่ว่างรองรับปริมาณน้ำ Side Flow หรือ ฝนที่ตกบริเวณเหนือเขื่อน นอกจากนี้มีการเตรียมความพร้อมของอาคารชลประทานและคลองระพีพัฒน์ ซึ่งทำหน้าที่ตัดยอดน้ำจากแม่น้ำป่าสัก เพื่อลดผลกระทบจากการระบายน้ำท้ายเขื่อนพระราม 6 อีกทางหนึ่ง

สำหรับประชาชนในพื้นที่ท้ายเขื่อนฯ ได้กำหนดเกณฑ์การเฝ้าระวังและการแจ้งเตือนภัย โดยมีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้
- สถานการณ์ปกติ : เมื่อมีการระบายน้ำไม่เกิน 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งไม่ส่งผลกระทบกันในพื้นที่ จะมีการติดตั้งธงสัญลักษณ์สีเขียวเพื่อเป็นสัญญาณให้ทราบ
- สถานการณ์เฝ้าระวัง : หากมีการระบายน้ำ 400 – 550 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะมีการแจ้งเตือนทางกลุ่มไลน์ “เตือนภัยท้ายเขื่อน” และแจ้งหนังสือถึงอำเภอท่าเรือ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อเตรียมความพร้อม พร้อมทั้งติดตั้งธงสัญลักษณ์สีเหลือง
- สถานการณ์วิกฤติ : กรณีระบายน้ำมากกว่า 550 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะเริ่มส่งผลกระทบกับในพื้นที่ จะมีการแจ้งเตือนล่วงหน้า 2 – 3 วัน เพื่อให้ทุกหน่วยงานมีเวลาเตรียมความพร้อม พร้อมทั้งติดตั้งธงสัญลักษณ์สีแดง และลงพื้นที่แจ้งเตือนในจุดที่เป็นพื้นที่เสี่ยง เช่น ชุมชนวัดสะตือ หรือตลาดท่าเรือ โดยประสานงานกับเทศบาลตำบลท่าหลวงและเทศบาลตำบลท่าเรือเพื่อเตรียมแผนรับมือ ขนย้ายสิ่งของ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำ
บทเรียนน้ำท่วมสู่การป้องกันเตรียมพร้อม
ที่ผ่านมา ปริมาณน้ำสูงสุดที่ไหลผ่านเขื่อนพระราม 6 มักจะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม โดยปีล่าสุดที่มีสถานการณ์น้ำวิกฤติ คือปี 2564 และปี 2565 ที่มีปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดกว่า 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที


วิมลรัตน์ กล่ำแสง ปลัดอำเภอท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา บอกว่า ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมน้ำได้เตรียมความพร้อมรับมือน้ำท่วมไว้แล้ว แต่ก็ยังกังวลว่าในช่วงที่มีการระบายน้ำ หากเกิดน้ำทะเลหนุนในช่วงเวลากลางคืน อาจทำให้รับมือไม่ทัน จึงเสนอให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ แจ้งเตือนภัยล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมการรับมือได้
ขณะที่ สุภาพร แสงทองล้วน นายกเทศมนตรีตำบลท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ปีนี้ตำบลท่าหลวงกำลังเตรียมความพร้อมรับมือน้ำท่วมเอาไว้ล่วงหน้า พร้อมตั้งงบประมาณสำรองฉุกเฉินไว้รองรับสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้น
นอกจากนี้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ ได้จัดตั้งศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ เพื่อประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนภัยให้กับประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำของเขื่อนพระราม 6 ล่วงหน้า และขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด