วันนี้ – 18 ส.ค. 68 หลายพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันจากฝนสะสม

กรมทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และ สสน. เตือนประชาชนรับมือฝนตกหนักทั่วประเทศ โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคใต้ เผยปี 2568 ฝนจะมากกว่าปกติ 9% คล้ายปี 2542

สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ระบุ ในช่วงวันนี้ – 18 ส.ค. 68 อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากบริเวณที่ลาดเชิงเขา และน้ำท่วมขังในเขตเมืองได้ เตือนเฝ้าระวังฝนตกเพิ่มขึ้นบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก

นอกจากนี้ ยังเฝ้าระวังคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 1.5 – 2.5 เมตร ในช่วงวันที่ 15 – 16 ส.ค. 68 เฝ้าระวัง ระดับน้ำในแม่น้ำยม อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ที่ยังคงล้นตลิ่ง

สำหรับการคาดการณ์ปริมาณฝน ช่วงวันนี้ – 17 ส.ค. 68 ร่องมรสุมจะพาดผ่านบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นและอาจมีฝนตกหนักถึงหนักมากได้ในบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นและอาจมีฝนตกหนักได้ในบางแห่ง โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันตก

ขณะที่ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ประกาศฉบับที่ 16/2568 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ในช่วงวันนี้ 17 ส.ค. 68 รายละเอียดระบุ พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก

  • ภาคเหนือ บริเวณ จ.เชียงราย จ.แม่ฮ่องสอน จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน จ.ลำปาง จ.พะเยา จ.น่าน จ.ตาก จ.พิษณุโลก และ จ.เพชรบูรณ์
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณ จ.เลย จ.หนองคาย จ.บึงกาฬ จ.อุดรธานี จ.สกลนคร และ จ.อุบลราชธานี
  • ภาคตะวันออก บริเวณ จ.ชลบุรี จ.ระยอง จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ภาคใต้ บริเวณ จ.ชุมพร จ.ระนอง จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต

รอยบุญ รัศมีเทศ ผู้อำนวยการ สสน. เปิดเผยผลการคาดการณ์ปริมาณฝนปี 2568 ว่า ประเทศไทยจะมีปริมาณฝนมากกว่าปกติประมาณร้อยละ 9 โดยมีลักษณะใกล้เคียงกับปี 2542 พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจะมีฝนมากกว่าปกติ เฝ้าระวัง ภาคตะวันออก และภาคใต้ จะตกมากในปีนี้ ยกเว้นบางพื้นที่ในภาคเหนือ ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ และนครศรีธรรมราช อาจจะมีปริมาณฝนน้อยกว่าปกติ

สำหรับคาดการณ์สถานการณ์ฝนในปี 2568 ช่วงและอาจเกิดฝนทิ้งช่วงในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ก่อนที่ฝนจะกลับมาตกในช่วงปลายเดือนกันยายน หลังจากนั้นช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ฝนจะตกหนักมากกว่าค่าปกติ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในบางแห่ง

สสน. เตรียมพร้อม ขณะที่มีการชี้เป้า 48 ชั่วโมง เพื่อรับมือภัยพิบัติล่วงหน้า

นอกจากนี้ สสน. ได้พัฒนาระบบติดตามสถานการณ์น้ำที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ผ่านทางเว็บไซต์ www.thaiwater.net และแอปพลิเคชัน ThaiWater โดยมีข้อมูลสถานการณ์น้ำปัจจุบัน และคาดการณ์ฝนล่วงหน้า 7 วัน เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้วางแผนและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ก่อนหน้านี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้มีการประชุมเสวนาขับเคลื่อนนโยบาย “อว. For Water” เพื่อรวบรวมประเด็นสถานการณ์ และข้อเสนอแนะในการขับเคลื่อนระบบบริหารจัดการน้ำบนพื้นฐานข้อมูลสารสนเทศ และจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายและกรอบแนวทางการดำเนินงาน สำหรับการพัฒนาระบบสารสนเทศด้านน้ำ เพื่อรองรับการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพในทุกระดับ ที่มุ่งเน้นการบูรณาการข้อมูลอย่างแม่นยำ งานวิจัยที่ตอบโจทย์ และนโยบายที่ใช้ได้จริง รวมทั้งมีข้อเสนอการพัฒนา “คลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ” และระบบคาดการณ์ภัยพิบัติที่ทันสมัย การสนับสนุนงานวิจัยแบบมุ่งเป้า และการสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน และชุมชน

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการ สสน. ยังพบว่าข้อคิดเห็นจากทุกภาคส่วนสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการจัดทำกรอบความร่วมมือที่ชัดเจนและแผนปฏิบัติการที่สามารถดำเนินการได้จริง เพื่อขับเคลื่อน “อว. For Water” ให้ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านน้ำอย่างยั่งยืน ตนจึงอยากจะขอให้ทุกหน่วยงานเน้นการทำงานโดยยึดหลัก ดังนี้

“บูรณาการ” การทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน เพื่อรวบรวมข้อมูลวิจัยและนวัตกรรมด้านน้ำให้เป็นระบบเดียวและสอดคล้องกับแผนชาติ

“ต่อยอด” นำองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่มีมาพัฒนาและสร้างนวัตกรรม พร้อมสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและชุมชน และ

“นำไปใช้” ผลักดันการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม ทั้งในเชิงนโยบาย เชิงบริหาร และเชิงปฏิบัติการ พร้อมติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง เน้นจัดการน้ำด้วยข้อมูลวิจัยและนวัตกรรม เน้นบูรณาการ-ต่อยอด-ใช้งานได้จริง วางรากฐานแก้ปัญหาน้ำยั่งยืน

ด้าน ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. กล่าวว่า  สถานการณ์น้ำของประเทศไทยในปัจจุบัน มีความซับซ้อนและท้าทายมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากความผันผวนของสภาพภูมิอากาศ ปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงในพื้นที่หนึ่ง แต่กลับเกิดอุทกภัยที่สร้างความเสียหายในอีกพื้นที่หนึ่งในเวลาเดียวกัน ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เป็น “วาระแห่งชาติ” ที่เราทุกคนต้องร่วมมือกัน

ดังนั้นการนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่เรามีอยู่ทั่วประเทศ มาเปลี่ยนเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการรับมือกับความท้าทายด้านน้ำ นี่คือที่มาของนโยบาย “อว. For Water” ซึ่งเป็นการระดมสรรพกำลังทั้งบุคลากร นักวิจัย และเทคโนโลยีในสังกัด อว. เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำของประเทศให้ยั่งยืน

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active