ชาวบางบาลบุกพบนายกฯ ร้องชดเชยผลกระทบผันน้ำเข้าทุ่ง

“รสสุคนธ์” ตัวแทนชาวบ้านบางบาลเข้าพบ “นายกฯอนุทิน” ระบุแม้บ้านไม่ท่วม แต่การทำนา ทำสวน และอาชีพได้รับผลกระทบหนัก พร้อมเสนอผันน้ำอย่างเป็นธรรม ด้านอนุทินยันเร่งช่วยเหลือทั้งระยะสั้นและโครงการระบายน้ำระยะยาว

วันนี้ (27 ก.ย. 2568) รสสุคนธ์ งามจั่นศรี ชาวบ้านหมู่ 3 ตำบลบางชะนี อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นตัวแทนชาวบางบาล เข้าพบ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระหว่างลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

รสสุคนธ์ กล่าวในนามของชาวบ้านว่า แม้ที่อยู่อาศัยของบางคนจะไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่การทำมาหากินกลับได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทั้งการทำสวน การทำนา และการขนส่งอิฐ โดยเฉพาะชาวนาที่ไม่สามารถปลูกข้าวในช่วงฤดูน้ำหลากได้ ทำให้รายได้ลดลงอย่างมาก และปีนี้ราคาข้าวต่ำจนแทบไม่เหลือกำไร

“เราขอความเห็นใจจากท่านนายกรัฐมนตรี ขอให้ช่วยชดเชยกลุ่มชาวบ้านเหล่านี้ด้วย ถึงแม้น้ำจะไม่ท่วมบ้านเรา แต่เราก็เดือดร้อนเหมือนกัน และไม่อยากให้เกิดการเลือกปฏิบัติ อยากให้ผู้นำประเทศและชุมชนช่วยดูแลพวกเราด้วย” รสสุคนธ์กล่าว

นอกจากนี้ รสสุคนธ์ ยังได้ยื่นข้อเสนอถึงนายกรัฐมนตรี เรื่องการบริหารจัดการน้ำโดยให้ผันน้ำเข้าทุ่งบางบาลเพียงส่วนหนึ่ง เพื่อช่วยกระจายความเดือดร้อน และขอให้การชดเชยเป็นไปอย่างชัดเจน แยกตามผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงกับการทำอาชีพ ไม่ควรเหมาจ่าย

วันนี้ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี นิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัด และนางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายก อบจ.ให้การต้อนรับ

อนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญกับประโยชน์สูงสุดของประชาชน และเข้าใจความเดือดร้อนซ้ำซากของพื้นที่รับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ประสบปัญหาน้ำท่วมทุกปี โดยชี้ว่าแม่น้ำเจ้าพระยามีลักษณะคอขวด ทำให้การไหลระบายน้ำช้าและน้ำล้นตลิ่ง

“เราจะทำงานร่วมกันเป็นทีม เพื่อรับใช้ประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และลดความเดือดร้อนให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้” อนุทินกล่าว พร้อมยืนยันว่า งบประมาณฉุกเฉินของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถใช้เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยโดยตรง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการตรวจสอบ

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า รัฐบาลมีโครงการก่อสร้างคลองระบายน้ำในพื้นที่อำเภอบางบาลและบางไทร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำถึง 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2569 ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่พระนครศรีอยุธยา

“เราต้องแก้ไขปัญหาระยะยาว เพราะประชาชนไม่ได้อยากได้ถุงยังชีพ แต่ต้องการความสะดวกสบายและการป้องกันภัยน้ำท่วมอย่างยั่งยืน การวางแผนปรับปรุงระบบชลประทานฝั่งตะวันออกตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดชัยนาท ป่าสักชลสิทธิ์ ไปจนถึงอ่าวไทย จะใช้เวลาประมาณ 7 ปี แต่ถือเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างถาวร” อนุทินกล่าว

นายกฯ ยังเน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างรัฐบาล พรรคการเมือง และบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า การทำงานร่วมกันอย่างกล้าตัดสินใจและวางแผนจะส่งผลประโยชน์สูงสุดต่อประเทศและประชาชน

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active