กรมอุตุฯ เตือนอากาศแปรปรวนในช่วง วันที่ 1- 2 พ.ย.นี้ ทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้น บางพื้นที่มีฝนตกหนัก ปภ.ระบุ ปัจจุบันไทยยังมี อุทกภัย ฝนตกหนักและน้ำล้นตลิ่ง ในพื้นที่ 14 จังหวัด กระทบประชาชนกว่า 1 แสนครอบครัว

เตือนประเทศไทยจะมีอากาศแปรปรวน
สุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศเตือนว่า ในช่วงวันที่ 31 ต.ค. – 2 พ.ย. 68 ประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบนจะมีสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต ซึ่งจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคเหนือ และภาคใต้ตอนบนตามลำดับ เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมบริเวณอ่าวไทยตอนบนจะเคลื่อนตามแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านบริเวณภาคตะวันออก ภาคกลางตอนล่าง และภาคใต้ตอนบน ลงสู่ทะเลอันดามันตอนบน ประกอบกับมีแนวพัดสอบของลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือ
ขอให้เกษตรกรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนตก และระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมได้ในบางพื้นที่

การพยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 31 ต.ค. – 6 พ.ย. 68
- เหนือ : เร่ง เก็บเกี่ยวผลผลิต ก่อนฝนตก ระวัง โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา หลีกเลี่ยงการตากผลผลิตไว้กลางแจ้ง
- อีสาน : ดูแล การระบายน้ำในแปลงให้พร้อมใช้งาน ระวังโรคระบบทางเดินหายใจ ในสัตว์เลี้ยง หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องจักรในพื้น ที่เกษตร
- กลาง : เร่งเก็บเกี่ยวผลผลิต ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมระวัง โรคผลเน่าในผลไม้ หมั่น ทำความสะอาดโรงเรือนเลี้ยงสัตว์
- ตะวันออก : พรวนดิน เพื่อปรับปรุงโครงสร้างดินระวัง โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ควรฉีดสารป้องกันเชื้อรา ในไม้ผล
- ใต้ : ควรเว้นการกรีดยาง ในวันที่มีฝนตกระวัง นheท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ระวัง โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
ฝนจะตกหนัก 1-2 พฤศจิกายน 2568
- เหนือ : ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์
- อีสาน : หนองบัวลำภู ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ
- กลาง : นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม
- ตะวันออก : นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด
- ใต้ : เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สงขลา ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล
สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน (ฝนตกหนักและน้ำล้นตลิ่ง)
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยปัจจุบันมีสถานการณ์ในพื้นที่ 14 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรีพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม อุบลราชธานีรวม 47 อำเภอ 373 ตำบล 2,308 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 117,137 ครัวเรือน 417,426 คน มีผู้เสียชีวิต 13 คน ในจังหวัดพิษณุโลก 1 คน จังหวัดพิจิตร 1 คน พระนครศรีอยุธยา 11 คน

ด้านสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เตือนว่า ระยะนี้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยระบุว่าจากการติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ พบว่า จะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ โดยมีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ในช่วงระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2568 แยกเป็น
พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังเป็นประจำ เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (เขตคลองเตย เขตดินแดง เขตบางกะปิ เขตบางนา เขตประเวศ เขตพระโขนง เขตลาดกระบัง เขตวังทองหลาง เขตสวนหลวง และ เขตห้วยขวาง) และจังหวัดสมุทรปราการ (อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอบางบ่อ อำเภอบางพลี และอำเภอบางเสาธง)
พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ดังนี้
ภาคเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอดอยเต่า) จังหวัดกำแพงเพชร (อำเภอเมืองกำแพงเพชร อำเภอขาณุวรลักษบุรี อำเภอคลองขลุง อำเภอคลองลาน อำเภอโกสัมพีนคร อำเภอปางศิลาทอง และอำเภอพรานกระต่าย) จังหวัดตาก (อำเภอเมืองตาก อำเภอพบพระ อำเภอวังเจ้า อำเภอสามเงา และอำเภออุ้มผาง) จังหวัดนครุสวรรค์ (อำเภอโกรกพระ อำเภอแม่เปิน อำเภอแม่วงก์ และอำเภอลาดยาว) จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอหล่มเก่า) จังหวัดอุทัยธานี (อำเภอทัพทัน อำเภอบ้านไร่ อำเภอลานสัก อำเภอสว่างอารมณ์ และอำเภอห้วยคต)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอเกษตรสมุบูรณ์) จังหวัดนครราชสีมา (อำเภอด่านขุนทด อำเภอปากช่อง อำเภอวังนำเขียว อำเภอสูงเนิน และอำเภอเสิงสาง) จังหวัดบุรีรัมย์ (อำเภอโนนดินแดง) จังหวัดสุรินทร์ (อำเภอปราสาท)
ภาคกลาง 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอทองผาภูมิ อำเภอไทรโยค อำเภอบ่อพลอย อำเภอพนมทวน อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอสังขละบุรี อำเภอหนองปรือ และอำเภอห้วยกระเจา) จังหวัดราชบุรี (อำเภอปากท่อ และอำเภอสวนผึ้ง) จังหวัดปราจีนบุรี (อำเภอกบินทร์บุรี) จังหวัดสระแก้ว (อำเภอเมืองสระแก้ว อำเภอคลองหาด อำเภอตาพระยา อำเภอวังน้ำเย็น อำเภอวังสมบูรณ์ อำเภอวัฒนานคร และอำเภออรัญประเทศ) จังหวัดฉะเชิงเทรา (อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา อำเภอท่าตะเกียบ และอำเภอบางปะกง) จังหวัดชลบุรี (อำเภอเมืองชลบุรี อำเภอเกาะสีชัง อำเภอบางละมุง อำเภอศรีราชา และอำเภอสัตหีบ) จังหวัดระยอง (อำเภอเมืองระยอง และอำเภอแกลง) จังหวัดจันทบุรี (ทุกอำเภอ) จังหวัดตราต (ทุกอำเภอ) จังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน และอำเภอหนองหญ้าปล้อง) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อำเภอบางสะพาน และอำเภอหัวหิน)
ภาคใต้ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง อำเภอกะเปอร์ และอำเภอละอุ่น) จังหวัดชุมพร (อำเภอเมืองชุมพร อำเภอท่าแซะ อำเภอปะทิว และอำเภอสวี) จังหวัดภูเก็ต (ทุกอำเภอ) จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอบ้านนาสาร อำเภอชัยบุรี อำเภอบ้านนาเดิม และอำเภอเวียงสระ) จังหวัดนศรศรีธรรมราช (อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอท่าศาลา และอำเภอทุ่งใหญ่)
พื้นที่เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ อุทัยธานี ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด กาญจนบุรี ราชบุรี ระนอง ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ที่มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ ส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ
พื้นที่เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขา ได้แก่ คลองชุมพร แม่น้ำหลังสวน และแม่น้ำตาปี
