ช่วยผู้ประสบภัยที่ลงทะเบียนในพื้นที่ 12 จังหวัด รวมผู้ได้รับผลกระทบ 68,094 ครัวเรือน ขณะที่ ชาวบ้าน รอเงินเข้าผ่านพร้อมเพย์ ยอมรับ ซ่อมบ้านได้แค่บางส่วน หวังรัฐยกระดับการช่วยเหลือให้ทั่วถึง ครอบคลุมผลกระทบต่อการประกอบอาชีพ
วันนี้ (3 พ.ย. 68) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานการโอนเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 ตามมติ ค.ร.ม. เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 68 ซึ่งจะเยียวยาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดสถานการณ์ขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 2568 ใน 2 กรณี คือ
- กรณีบ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขัง ไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินเสียหาย
- กรณีบ้านที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขัง เกินกว่า 7 วันขึ้นไป
สำหรับวันนี้ (3 พ.ย. 68) ธนาคารออมสินจะได้โอนเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 โดยให้ความช่วยเหลือในอัตราเดียวกันครัวเรือนละ 9,000 บาท ครั้งแรกให้แก่ผู้ประสบภัยที่ได้ลงทะเบียนและผ่านการตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยแล้วในพื้นที่ 12 จังหวัด รวมจำนวน 68,094 ครัวเรือน ได้แก่ จังหวัดปทุมธานี, ชัยนาท, จันทบุรี, พระนครศรีอยุธยา, ตราด, สิงห์บุรี, อ่างทอง, เลย, พิจิตร, เพชรบูรณ์, สมุทรปราการ และสระแก้ว เป็นเงินทั้งสิ้น 612,846,000 บาท

ส่วนในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ย. 68) ปภ. และธนาคารออมสิน จะทำการโอนเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ครั้งที่ 2 ให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดพิจิตร พระนครศรีอยุธยา จำนวน 12,702 ครัวเรือน จำนวนเงิน 114,318,000 บาท ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกไว้กับหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน
ข้อมูลปัจจุบันมีผู้ประสบภัยลงทะเบียนขอรับการช่วยเหลือเยียวยากรณีอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 จำนวน 265,238 ครัวเรือน ผ่านการประชุม ก.ช.ภ.จ. แล้วจำนวน 84,268 ครัวเรือน โดย ปภ. ตรวจสอบและส่งข้อมูลให้ออมสินแล้ว จำนวน 80,796 ครัวเรือน เป็นเงินจำนวน 727,164,000 บาท
“ขอเน้นย้ำให้ประชาชนที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประจำตัวประชาชน ติดต่อธนาคารใดก็ได้ เพื่อดำเนินการผูกบัญชีโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดความขัดข้องในการโอนเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และให้การช่วยเหลือเยียวยาเป็นไปอย่างรวดเร็ว”
ชาวบ้านวอนเยียวยาครอบคลุมผลกระทบพื้นที่ประกอบอาชีพ
ด้าน รสสุคนธ์ งามจั่นศรี ชาวบ้านหมู่ 3 ตำบลบางชะนี อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยกับ The Active ว่า ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบค่อนข้างมากเพราะอยู่ในพื้นที่รับน้ำ และปัจจุบันน้ำยังไม่แห้ง การได้รับเงินเยียวยาน้ำท่วมครั้งนี้ถึงว่าช่วยบรรเทาได้บ้างบางส่วนกับการนำเงินไปซ่อมแซมบ้าน

“ยอมรับว่าบ้านแต่ละหลังเสียหายต่างกัน ที่บ้านเสียหายหลายส่วน ทั้งเสาบ้าน ประตูหน้าต่าง และยังมีปัญหาปลวกเข้ามากัดกินบ้าน หากประเมินราคาค่าซ่อม ก็มากกว่า 3 หมื่นบาท และการที่ต้องจมน้ำมาหลายเดือน ยังกระทบกับจิตใจหลายคนที่ทนอยู่กับน้ำเพราะยังมีทั้งที่ทำกินเนื่องจากอยู่ในพื้นที่รับน้ำ”
รสสุคนธ์ งามจั่นศรี

รสสุคนธ์ บอกด้วยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสพบ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โดยได้เล่าความรู้สึกของชาวบ้าน และผู้ทำมาหากินในคันกั้นน้ำทุ่งบางบาล และได้ยื่นหนังสือขอความเห็นใจจากท่านนายกฯ เพราะถึงแม้ว่าที่อยู่อาศัยของพวกเราบางคนไม่ได้เดือดร้อนจากการถูกน้ำท่วมขัง แต่ที่ทำมาหากิน หรือการประกอบอาชีพของพวกเราก็เดือดร้อน ไม่ว่าจะการทำอิฐขนส่งอิฐ การทำสวน โดยเฉพาะการทำนา ในช่วงฤดูน้ำหลาก
“พวกเราชาวนาไม่สามารถที่จะทำมาหากินได้ ปลูกข้าวก็ห้ามปลูก เพราะเขาอุปโลกน์ให้ทุ่งเราเป็นทุ่งรับน้ำ ในช่วงราวเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา หลังเก็บเกี่ยวพวกเราต้องงดทำนา เราก็ขาดรายได้ จะทำอาชีพอื่น ๆ ก็ไม่รู้จะทำอะไร ในเมื่อทุกคนทั้งนอกคันและในคันกั้นน้ำต่างเดือดร้อน แถมราคาข้าวปีนี้ก็ถูกมากจนชาวนาไม่เหลืออะไรเลย”
“เราขอความเห็นใจจากท่านนายกรัฐมนตรี ขอความช่วยเหลือในเรื่องการชดเชยให้กับกลุ่มของพวกเราด้วย ถึงแม้ว่าน้ำไม่ท่วมพวกเราก็เดือดร้อนเหมือนคนอื่น ไม่อยากให้เลือกปฏิบัติ อยากให้ผู้นำประเทศ ผู้นำชุมชนช่วยดูแลกลุ่มของพวกเราด้วยจากใจชาวบ้านในคันกั้นน้ำของทุ่งบางบาล”
รสสุคนธ์ งามจั่นศรี

