ย้ำภาพปัญหาเรื้อรังน้ำท่วมซ้ำซาก ยาวนาน ‘ผอ.รร.บางบาล’ ชี้ เรียนออนไลน์ไม่เท่าออนไซต์ เด็กบางบ้านยังต้องลุยน้ำช่วยครอบครัว ห่วงเด็ก ม.3–ม.6 หลุดออกจากระบบ ส่วนเด็กสายกีฬาเสียโอกาส ทีมฟุตบอลหยุดซ้อม มากว่า 2 เดือนแล้ว
วันนี้ (19 พ.ย. 68) สถานการณ์น้ำท่วมลุ่มเจ้าพระยายังวิกฤต แม้เขื่อนเจ้าพระยาจะทยอยลดอัตราการระบายน้ำลง แต่ชาวอำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังคงต้องอยู่กับน้ำท่วมต่อเนื่องยาวนานเข้าสู่เดือนที่ 5 โดยเฉพาะผลกระทบต่อโรงเรียนและนักเรียนที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่โรงเรียนบางบาล ซึ่งเปิดภาคเรียนที่ 2 ได้เพียงสัปดาห์เดียวกลับต้องปิดเรียนอีกรอบเพราะน้ำยังไม่ลด ทำให้นักเรียนต้องเรียนออนไลน์ยืดเยื้อ และเสี่ยงเสียโอกาสทางการศึกษาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

วาสนา ภาคาแพทย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบางบาล เปิดเผยกับ The Active ว่า ปัญหาน้ำท่วมไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ปีนี้รุนแรงและยาวนานกว่าทุกครั้ง ผลกระทบสะสมตั้งแต่ภาคเรียนที่ผ่านมา ทำให้การเรียนของนักเรียนสะดุดลงอย่างต่อเนื่อง
ภาคเรียนที่แล้ว แม้ตัวโรงเรียนจะป้องกันน้ำท่วมไว้ได้ แต่บ้านของนักเรียนในชุมชนโดยรอบกลับถูกน้ำท่วมหนัก เด็กจำนวนมากเดินทางมาเรียนไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถสอบได้ครบ 100% และต้องจัดสอบออนไลน์ในช่วงเปิดเทอมใหม่
สำหรับภาคเรียนปัจจุบัน โรงเรียนเปิดเรียนเมื่อ 29 ตุลาคม แต่ต้องเริ่มด้วยรูปแบบออนไลน์ เพราะระดับน้ำยังสูง ก่อนจะเปิดเรียนออนไซต์ได้แค่ 1 สัปดาห์ และกลับไปออนไลน์อีกครั้ง ขณะนี้นักเรียนต้องเรียนออนไลน์ต่อเนื่องเข้าสัปดาห์ที่ 2 และคาดจะกลับมาเรียนออนไซต์ได้วันจันทร์ หากน้ำลดลงบ้าง

แม้โรงเรียนจะพยายามจัดใบงานและปรับรูปแบบเรียนออนไลน์ให้เหมาะกับสถานการณ์ แต่ ผอ.วาสนา ก็ยอมรับว่า เด็กจำนวนหนึ่งไม่พร้อมจริง ๆ
“บางคนไม่มีอุปกรณ์ บางครอบครัวยังต้องขนของหนีน้ำ ทำให้นักเรียนไม่สามารถโฟกัสกับการเรียนได้เต็มที่ โรงเรียนต้องยืดหยุ่นทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้รับผลกระทบชัดเจน”
วาสนา ภาคาแพทย์
โรงเรียนชายขอบน้ำท่วมซ้ำซากยิ่งตอกลึกความเหลื่อมล้ำ
โรงเรียนบางบาลถูกจัดเป็นโรงเรียนชายขอบของจังหวัด แม้จะมีจุดแข็งด้านดนตรีไทยและหลักสูตรทักษะอาชีพจากภูมิปัญญาท้องถิ่น แต่ทรัพยากรยังจำกัดมาก เมื่อเจอน้ำท่วมซ้ำซากยิ่งทำให้ ช่องว่างทางการศึกษา ระหว่างเด็กบางบาลกับเด็กในเมืองกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
ผลคะแนน O-NET ลดลงต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปีนี้โรงเรียนยังถูกกำหนดให้ต้องมีนักเรียนสอบ O-NET ครบ 100% เพราะเป็น โรงเรียนคุณภาพประจำอำเภอ ทำให้การจัดการเรียนต้องเข้มข้นขึ้น แม้อยู่ในภาวะที่ทุกอย่างไม่ปกติ
ผอ.วาสนา ยังระบุว่า เด็กระดับมัธยมปลายคือกลุ่มที่ ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เพราะต้องเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ขณะที่เด็ก ม.3 หลายคนอาจ หลุดจากระบบ และออกไปทำงานตามฐานะครอบครัว

โรงเรียนไม่สามารถเก็บค่าบำรุงการศึกษา จึงต้องพึ่งการสนับสนุนจากศิษย์เก่าและชุมชนเพื่อจัดหาทุนการศึกษาให้เด็ก ม.1 และ ม.4 ทุกปี รวมถึงต้องหาภาคีช่วยเหลือเพิ่มเติมในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้
อีกทั้งโรงเรียนยังเสนอให้มี ติวเตอร์ หรือผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเข้ามาช่วยติวนักเรียน ม.3 และ ม.6 เพื่ออุดช่องว่างการเรียนรู้ที่หายไปหลายสัปดาห์
“แม้ตัวพื้นที่โรงเรียนจะป้องกันน้ำท่วมได้แล้ว ปัญหาอยู่ที่บ้านของนักเรียน โรงเรียนพร้อม แต่เด็กไม่พร้อม เพราะเขามาโรงเรียนไม่ได้ ถ้าท้องถิ่นจัดการน้ำได้ เด็กก็กลับมาเรียนได้ ผลสัมฤทธิ์ก็จะดีขึ้นเอง”
วาสนา ภาคาแพทย์
ไม่ได้ซ้อมบอล 3 เดือนเต็ม ความพร้อมสู้โรงเรียนอื่นแทบไม่ได้
ผลกระทบของน้ำท่วมไม่ได้อยู่แค่ในห้องเรียน แต่ยังลามไปถึงกิจกรรมนักเรียนทั้งหมด โดยเฉพาะ ทีมฟุตบอลของโรงเรียนบางบาล ที่ต้องหยุดฝึกซ้อมร่วม 3 เดือนเพราะสนามถูกน้ำท่วมจนใช้การไม่ได้

สุทธิพงศ์ โพธิ์รังสกุล ครูพละและผู้ฝึกสอน เปิดเผยว่า ทีมฟุตบอลก่อตั้งมา 5 ปี มีเด็กในทีมทั้งหมดเป็นนักเรียนของโรงเรียน 100% และส่วนหนึ่งอาศัยอยู่บ้านพักนักกีฬา แต่ปีนี้น้ำเข้าท่วมสูงถึงระดับหน้าต่างบ้านพัก ทำให้นักเรียนต้องย้ายออกและกลับมาอยู่บ้านริมถนน ก่อนที่น้ำจะตามท่วมอีกครั้ง
“บ้านพักพัง ของใช้พัง หนังสือเรียนพังหมด เด็กอยู่ไม่ได้เลย”
สุทธิพงศ์ โพธิ์รังสกุล
ปัจจุบันทีมเหลือนักกีฬาเพียง 7 คน หลังจากเด็กหลายคนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้จากความสามารถด้านกีฬา โดย ครูสุทธิพงศ์ ระบุว่า ตอนนี้เด็กทำได้แค่ วิ่ง และเวทเทรนนิง เพื่อรักษาสภาพร่างกายเท่านั้น การฝึกแท็กติกและสัมผัสบอลไม่สามารถทำได้เลย
“กีฬาถ้าไม่ได้ซ้อม ก็เรียบร้อยครับ ความพร้อมเราด้อยกว่าโรงเรียนอื่นมาก”
สุทธิพงศ์ โพธิ์รังสกุล
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทีมบางบาลทำผลงานไว้ดีมาก มีทั้งที่เตรียมไปแข่งขันรอบประเทศที่เชียงราย และเคยเข้าร่วมการแข่งขัน 7 สี และรายการระดับจังหวัดหลายรายการ แต่ปัจจุบันความพร้อมแทบไม่เหลือเพียงพอสำหรับการแข่งขันใด ๆ

ครูสุทธิพงศ์ ตั้งข้อสังเกตว่า น้ำท่วมบางบาลรุนแรงเพราะการบริหารจัดการน้ำไม่สมดุล โดยระบุว่า น้ำจำนวนมากถูกปล่อยลงพื้นที่บางบาลเกินกว่าคลองธรรมชาติจะรองรับได้
“ไม่จำเป็นต้องปล่อยน้ำลงมาที่บางบาล 90% แบบนี้ คลองแคบจะรับไหวได้ยังไง แล้วมันกระทบเด็กเป็นวงกว้างมาก”
สุทธิพงศ์ โพธิ์รังสกุล
พร้อมย้ำว่า เด็กในบางบาลมีโอกาสน้อยกว่าอยู่แล้ว การที่ต้องเผชิญน้ำท่วมหลายเดือนยิ่งทำให้เสียโอกาสทั้งการเรียน กีฬา และชีวิตประจำวันที่ควรจะได้อย่างเท่าเทียม
