สงขลา เฝ้าระวัง 24 ชม. กรมอุตุฯ เตือน ภาคใต้ฝนตกหนัก 70%

ระบบ Cell Broadcast แจ้งเตือนเมื่อ 15.00 น. หากจำเป็นให้อพยพ “อนุทิน” แจงเตรียมตรวจระบบฯ หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง ว่าเมื่อถึงสถานการณ์จริงไม่สามารถใช้งาน เตือนให้ประชาชนอพยพได้

วันนี้ (22 พ.ย. 68) สรุปสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ อิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังแรงขึ้นทำให้พื้นที่อ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน เผชิญฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวัน ส่งผลให้หลายจังหวัดเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และระดับน้ำท่วมขังในเขตชุมชนยังทรงตัวในหลายพื้นที่

06.00 น.

มีสถานการณ์อุทกภัยจากฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้จํานวน 7 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา และปัตตานี รวม 66 อําเภอ 316 ตําบล 2,258 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 239,699 ครัวเรือน 645,247 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต สถานการณ์น้ําภาพรวมในปัจจุบันระดับน้ําเพิ่มขึ้น

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่ภาคใต้ พื้นที่ใกล้เคียง หรือศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่ไม่มีสถานการณ์ภัย เข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ประสบภัย เร่งส่งเครื่องจักรกลสาธารณภัยลงพื้นที่เพื่อสนับสนุนจังหวัดที่ประสบสถานการณ์ภัย พร้อมออกปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็ว 

13.45 น.

อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางจาก จ.ขอนแก่น เพื่อลงพื้นที่ จ.สงขลา ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยจะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด้วยตนเอง ขณะนี้ทุกหน่วยได้เตรียมการช่วยเหลือไว้พร้อม ทั้งด้านเครื่องมือ และการดูแลความปลอดภัย โดยย้ำว่า เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่น้ำจะเข้าถึงเขตตัวเมือง

ขณะที่การแจ้งเตือนประชาชนยังไม่ได้รับอย่างทันท่วงที ทำให้เกิดการอพยพล่าช้า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบระบบ Cell Broadcast เมื่อถามว่าระบบ Cell Broadcast ถูกวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้งว่า เมื่อถึงเวลาสถานการณ์จริงไม่สามารถใช้งานได้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องตรวจสอบว่าโครงการ Cell Broadcast นั้นเริ่มดำเนินการเมื่อใด ตนออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จึงไม่ได้ติดตาม และเมื่อกลับเข้ามาในรัฐบาลอีกครั้ง ขณะนี้ขอเน้นไปที่การดูแลและการช่วยเหลือประชาชนเป็นลำดับแรก

จากนั้น เวลา 13.45 น. ท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ออกเดินทางต่อไปที่จังหวัดสงขลา เพื่อเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสงขลา พร้อมมอบถุงยังชีพให้กับประชาชน บริเวณสี่แยกโรงปูน (บิ๊กซี) จนถึงวงเวียนน้ำพุ เมื่อเดินทางถึงรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์จาก รัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา

15.00 น.

ภายหลังคำสั่งการตรวจสอบระบบ ข้อความเตือนภัยจากระบบ Cell Broadcast ส่งถึงประชาชนในช่วงบ่าย โดย ปภ.เตือนว่า ระดับน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา น้ำคลองอู่ตะเภาจากด้านเหนือจะไหลลงมาเพิ่ม ทำให้น้ำที่ท่วมอยู่แล้วในเทศบาลนครหาดใหญ่ จะเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 18.00 น. ของวันนี้ ให้เตรียมยกของขึ้นที่สูง

ผู้ว่าฯ สงขลา ลงพื้นที่ ติดตามสถานการณ์ น้ำท่วม

จากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.สงชลา รายงานว่า นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ประกาศยกธงแดงพื้นที่เขตตัวเมือง (เขต 1,2,3) ขอประชาชนขนของขึ้นที่สูง  โดย เทศบาลนครหาดใหญ่แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมาพบว่าบริเวณเขาคอหงส์ มีปริมาณฝนตกชุกเกินกว่า 250 มม. หรืออาจสูงถึง 300 มม. ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งลักษณะทางกายภาพ ของเขาคอหงส์ เมื่อน้ำไหลบ่าลงจากเขาจะไม่มีคลองสายใหญ่รองรับ มีเพียงอ่างเก็บน้ำแก้มลิงคลองเรียน 

ล่าสุดวันนี้ มีรายงานว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย สังคม เกิดก่อ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเมืองหาดใหญ่อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะบริเวณ สี่แยกโรงปูน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดวิกฤตสำคัญ หลังพื้นที่เมืองหาดใหญ่เผชิญฝนตกหนักต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีมวลน้ำจำนวนมากไหลเข้าท่วมถนนสายหลักและชุมชนโดยรอบ สาเหตุสำคัญเกิดจากปริมาณน้ำจำนวนมากที่ไหลบ่ามาจาก เขาคอหงส์ โดยพื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะทางกายภาพที่ไม่มีคลองสายใหญ่รองรับน้ำ 

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ทั้งป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทีมกู้ชีพ–กู้ภัย และเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้ระดมกำลังลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมนำ เรือท้องแบน หลายลำเข้าช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง รวมถึงช่วยขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง เพื่อลดความเสียหายจากน้ำที่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มระดับขึ้นเป็นระยะ  ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้พูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มจุดเฝ้าระวังน้ำหลาก และจัดกำลังเสริมในจุดที่พบกระแสน้ำไหลแรง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น

นอกจากนี้ จังหวัดสงขลาได้สั่งการให้ทุกอำเภอเปิด ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจอุทกภัย ตลอด 24 ชั่วโมง รายงานสถานการณ์แบบเรียลไทม์ พร้อมเตรียมเครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกสูง เรือท้องแบน และกำลังคนรองรับสถานการณ์หากมีฝนตกเพิ่มในพื้นที่ลุ่มต่ำ 

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยยังคงทำงานแข่งกับเวลาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางบริเวณสี่แยกโรงปูนและพื้นที่น้ำท่วมขัง และติดตามประกาศแจ้งเตือนจากจังหวัดสงขลาอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยของทุกคน

อุตุฯ เตือนเฝ้าระวังภาคใต้ ฝนตกหนัก 70% ของพื้นที่

กรมอุตุนิยมวิทยาเผยพยากรณ์อากาศล่วงหน้า 24 ชั่วโมง ระบุว่า มวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมไทยตอนบนทำให้หลายพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ขณะที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานครมีอากาศเย็นในตอนเช้าพร้อมลมแรง

ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพ ส่วนเกษตรกรควรเฝ้าระวังความเสียหายที่อาจเกิดกับผลผลิต และพื้นที่ภาคอีสานซึ่งมีอากาศแห้งควรระวังอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ง่าย

สำหรับภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราช ลงไป มีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่จากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรง และหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ทำให้เสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และคลื่นลมแรงในทะเล

ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ มีฝนตกหนักถึงหนักมากในจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 21 ถึง 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26 ถึง 30 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูง 2 ถึง 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ มีฝนตกหนักบางแห่งในจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล บริเวณตั้งแต่จังหวัดกระบี่ขึ้นไป คลื่นสูง 2 ถึง 3 เมตร ตั้งแต่จังหวัดตรังลงไป คลื่นสูง 1 ถึง 2 เมตร ในพื้นที่ฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 ถึง 3 เมตร

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active