จาก 3 ปัจจัยหลัก พื้นที่ลุ่มต่ำ สภาพอากาศสุดขั้ว การบริหารจัดการน้ำ–เตือนภัย–รับมือ ล้มเหลว ขณะที่หน่วยบริการสุขภาพ 12 แห่งได้รับผลกระทบ แต่ยังให้บริการได้ “พรรคประชาชน” เสนอรัฐบาลตั้ง “วอร์รูมภาคใต้” รายงานสถานการณ์ทุกวัน “สุชาติ ชมกลิ่น” ระดมกำลัง ทส. ทั้งส่วนกลาง–พื้นที่ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำทำงานตลอด 24 ชั่วโมงวันนี้
(23 พ.ย. 68) ดร.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์วิเคราะห์สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ผ่านเฟซบุ๊ก Sonthi Kotchawat ระบุปีนี้ภาคใต้เผชิญวิกฤติหนักที่สุดในรอบหลายปี โดยเฉพาะ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่น้ำท่วมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 25 ปี ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจมหาศาล
ภาคใต้เผชิญน้ำท่วมหนัก ครอบคลุมกว่า 10 จังหวัด ประชาชนได้รับผลกระทบมากถึง 560,000 ครัวเรือน เฉพาะจังหวัดสงขลา น้ำท่วมทั้ง 16 อำเภอ กระทบกว่า 150,000 ครัวเรือน โดยหาดใหญ่เสียหายหนักสุดรอบ 25 ปี นับจากปี 2543 มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจคาดว่าเกิน 500 ล้านบาท

เปิด 3 ปัจจัยหลัก ทำไมหาดใหญ่ท่วมหนักสุดในรอบ 25 ปี
1) พื้นที่ลุ่มต่ำ–จุดรับน้ำจากทุกทิศ ก่อนระบายลงทะเลสาบสงขลา
- เมืองหาดใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นที่ต่ำ ลาดเอียงลงสู่ทะเลสาบสงขลา
- การระบายน้ำยากขึ้นเมื่อเจอน้ำทะเลหนุน
- คลองอู่ตะเภา (ยาว 116 กม.) รับน้ำจากสะเดา ผ่านหาดใหญ่ ลงทะเลสาบสงขลา
- คลอง ร.1 หรือคลองภูมินาถดำริ ช่วยผันน้ำออกจากตัวเมือง แต่ปริมาณน้ำครั้งนี้เกินศักยภาพ
- น้ำจาก เขาคอหงส์, อ.นาหม่อม, อ.จะนะ รวมถึงน้ำจากเทือกเขานครศรีธรรมราช ไหลลงสู่คลองอู่ตะเภา
ผลลัพธ์คือ น้ำจากหลายทิศหลากไปรวมกันในพื้นที่ลุ่มอย่างหาดใหญ่
2) สภาพอากาศสุดขั้ว – ฝน 3 วัน 595 มม. สูงกว่าปี 2543 และ 2553
ดร.สนธิอธิบายว่า ภาคใต้ปีนี้เจอ “ฝนมากกว่าปกติอย่างรุนแรง” จากหลายปัจจัยประกอบกัน
- มวลอากาศเย็นจากจีนแผ่ลงมากดร่องมรสุม
- เข้าสู่สภาวะลานิญญา ความชื้นสูงกว่าปกติ
- ฝนตกสะสม 3 วัน (19–22 พ.ย.) ถึง 595 มม. มากกว่าปี 2543 และ 2553 ที่เคยท่วมใหญ่
- เฉพาะเขาคอหงส์ วันที่ 22 พ.ย. ตกมากถึง 365 มม.
น้ำปริมาณมหาศาลจึงไหลลงคลองอู่ตะเภาอย่างรวดเร็ว ล้นเข้าท่วมตัวเมืองหาดใหญ่

3) การบริหารจัดการน้ำ–เตือนภัย–รับมือ ล้มเหลว
นักวิชาการระบุว่า การจัดการน้ำปีนี้ “ต่ำกว่ามาตรฐานมาก”
- ทั้งประเทศเกิดน้ำท่วมทุกภาค แม้รู้ล่วงหน้าว่าปีนี้ลานิญญาจะรุนแรง
- แม้การแจ้งเตือนภัยผ่าน Cell Broadcast จะทำได้ดี แต่ การเตรียมการ–การอพยพ–การเข้าช่วยเหลือยังล่าช้า
- หลายพื้นที่ต้องอพยพขึ้นหลังคา ยังขาดอาหาร–น้ำดื่ม
ดร.สนธิระบุว่านี่คือสัญญาณชัดว่า ระบบบริหารจัดการน้ำของประเทศต้องยกเครื่องครั้งใหญ่
หน่วยบริการสุขภาพ 12 แห่งได้รับผลกระทบ
พัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 12 หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง 3 วัน โดยใน 4 จังหวัด—สงขลา สตูล ปัตตานี และยะลา—มีปริมาณน้ำฝนสูงเป็นพิเศษ โดยเฉพาะจังหวัดสงขลาที่วัดได้สูงสุด 477 มิลลิเมตร คาดว่ายังคงมีฝนตกจนถึงวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้
นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า ทั้ง 4 จังหวัดได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) แล้ว ส่วนจังหวัดพัทลุงอยู่ระหว่างพิจารณาเปิดเพิ่มเติม
ผลกระทบด้านสาธารณสุข ประกอบด้วย
- ผู้เสียชีวิต 1 ราย จากการจมน้ำใน จ.พัทลุง
- ผู้บาดเจ็บ 2 ราย จากการลื่นล้ม
- สถานบริการได้รับผลกระทบ 12 แห่ง ได้แก่
- โรงพยาบาล 5 แห่ง: รพ.ศูนย์หาดใหญ่, รพ.นาหม่อม, รพ.รัตภูมิ (สงขลา), รพ.ปะนาเระ และรพ.สมเด็จพระยุพราชสายบุรี (ปัตตานี)
- รพ.สต. 5 แห่ง: ท่าแมงลัก, นางเหล่า (สงขลา), ฉลุง, เขาขาว (สตูล), ปากสระ (พัทลุง)
- สสอ. 2 แห่ง: ปะนาเระ (ปัตตานี), รัตภูมิ (สงขลา)
รมว.สธ. ยืนยันว่า ทุกหน่วยบริการยังคงเปิดทำการตามปกติโดยบริหารจัดการเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ พร้อมกันนี้ยังพบว่า บุคลากรได้รับผลกระทบ 5 ราย และ อสม. 103 ราย ด้านการช่วยเหลือประชาชน สธ.ดูแล กลุ่มเปราะบางแล้ว 832 คนและเปิดศูนย์พักพิง 2 แห่งใน อ.จะนะ จ.สงขลา และ อ.มะนัง จ.สตูล
รัฐมนตรีฯ เน้นย้ำให้ผู้ตรวจราชการและนายแพทย์ สาธารณสุขจังหวัดดำเนินการ 4 เรื่องเร่งด่วน ได้แก่
- ดูแลผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยฟอกไต ผู้สูงอายุ ผู้ติดเตียง รวมถึงผู้ป่วยที่ต้องส่งต่อในพื้นที่ถนนถูกน้ำท่วม
- สื่อสารความเสี่ยง โดยเฉพาะไฟฟ้าช็อตและอุบัติเหตุในน้ำท่วม
- จัดตั้งหน่วยบริการเพิ่มเติม พร้อมสนับสนุนยา–เวชภัณฑ์ เช่น ยาน้ำกัดเท้า
- เฝ้าระวังสถานบริการที่ได้รับผลกระทบตามแผนประคองกิจการจนกว่าจะเข้าสู่ช่วงฟื้นฟู
พรรคประชาชน เสนอรัฐบาลตั้ง “วอร์รูมภาคใต้” รายงานสถานการณ์ทุกวัน
ด้าน ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคประชาชน พร้อมนายปกรณ์ อารีกุล อดีตผู้สมัคร สส.นครศรีธรรมราช เขต 1 ลงพื้นที่น้ำท่วมในจังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนเดินทางต่อไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีปริมาณน้ำสะสมสูงสุดในรอบกว่าสิบปี
คณะทำงานได้มอบน้ำดื่มและข้าวสารอาหารแห้งแก่ประชาชนในพื้นที่ถูกน้ำท่วมสูง พร้อมรับฟังปัญหาหน้างาน
ภคมนระบุว่า แม้กรมอุตุนิยมวิทยาจะมีการคาดการณ์ฝนล่วงหน้าและรัฐมีระบบ SMS เตือนภัยแล้ว แต่การเตรียมการด้านศูนย์อพยพ เส้นทางอพยพ และการประสานงานของหน่วยงานรัฐยัง “ไม่ทันสถานการณ์จริง” ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบในหลายจุด
จึงเสนอให้รัฐบาลดำเนินมาตรการเร่งด่วนคือ
- ตั้ง “วอร์รูมน้ำท่วมภาคใต้” เพื่อบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงาน
- แถลงสถานการณ์รายวัน ให้ทุกฝ่ายปรับการทำงานได้อย่างแม่นยำ
- จัดหา เรือท้องแบน เพิ่มเติมซึ่งพบว่าขาดแคลนในหลายพื้นที่
นอกจากนี้ พรรคประชาชนและภาคประชาชนยังตั้ง “โรงครัวส้ม” ใน 6 อำเภอของนครศรีธรรมราช และร่วมกับกลุ่มอาสาต่าง ๆ ในสงขลาและสามจังหวัดชายแดนใต้ ช่วยซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ขนย้ายสิ่งของ และแจกจ่ายของจำเป็นแก่ผู้ประสบภัย
“สุชาติ” สั่งการ ทส. ระดมกำลังเต็มรูปแบบ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำหลายจังหวัด ทำงาน 24 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รายงานมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับมือมวลน้ำที่ยังคงเพิ่มขึ้น
สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทส. สั่งทุกหน่วยงานในสังกัดลงพื้นที่ทันที ตามแนวคิด “ทส. หนึ่งเดียว” เพื่อช่วยเหลือประชาชนแบบบูรณาการ
นายธีระชุณ บุญสิทธิ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ระบุว่า ต้องเร่งประสานกำลังร่วมกับ ปภ. กรมชลประทาน กองทัพ และตำรวจ โดยมอบหมายให้ สทน.8 และ สทน.10 ลงพื้นที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ำจำนวนมาก
มาตรการสำคัญ ได้แก่
จังหวัดสงขลา (สทน.8)
- ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 11 เครื่อง ทำงาน 24 ชม.
- แจกจ่ายน้ำดื่มกว่า 30,000 ขวด ใน 7 อำเภอ เช่น เมือง สะบ้าย้อย รัตภูมิ ควนเนียง ระโนด ฯลฯ
จังหวัดยะลา–พัทลุง–ปัตตานี–นครศรีธรรมราช
- ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มอีก 10 เครื่อง เพื่อรองรับมวลน้ำที่ยังเพิ่มขึ้น
จังหวัดชุมพร–พังงา–สุราษฎร์ธานี (สทน.10)
- ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 8 เครื่อง เร่งระบายน้ำจากพื้นที่ชุมชน
กรมทรัพยากรน้ำยืนยันว่า พร้อมปฏิบัติการ 24 ชั่วโมง และเดินหน้าแผน “สูบ–ระบาย–ช่วยเหลือ” จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ
กรมอุตุฯฯ เตือน 23–24 พ.ย. ใต้ยังเสี่ยงฝนถล่มหนักหลายจังหวัด
23–24 พฤศจิกายน นี้ ภาคใต้ตั้งแต่ชุมพรตอนล่างลงไปยังมีโอกาสเกิดฝนตกหนักถึงหนักมาก

นายสมควร ต้นจาน ผอ.กองอุตุนิยมวิทยาการบิน กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า ระหว่าง 23–24 พฤศจิกายน 2568 ภาคใต้ตั้งแต่ชุมพรตอนล่างลงไปยังมีโอกาสเกิดฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะ
- สุราษฎร์ธานี
- นครศรีธรรมราช
- สงขลา
- พัทลุง
- ปัตตานี
- ยะลา
- นราธิวาส
- ตรัง
- สตูล
คลื่นลมยังแรงในบางพื้นที่ คาดว่าฝนอาจตกหนักสลับเบาอย่างต่อเนื่อง 1–2 วันจากอิทธิพลมวลอากาศเย็นและหย่อมความกดอากาศต่ำ
พยากรณ์ระยะกลาง 25 พ.ย.–2 ธ.ค.: ใต้เริ่มคลี่คลายหลัง 26 พ.ย.
- ลมหนาวอ่อนกำลังลง ปริมาณฝนใต้ลดลง
- แต่ยังต้องเฝ้าระวังน้ำฟังสะสมในหลายลุ่มน้ำ
- ตอนบนของประเทศหนาวต่อเนื่อง บางพื้นที่มีหมอกหนา
- ช่วง 27–30 พ.ย. หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงอาจก่อตัวเป็นพายุ แต่เมื่อปะทะกับอากาศเย็นจะอ่อนกำลังเร็ว
- อาจทำให้ภาคใต้ตอนบน เช่นเพชรบุรี–ประจวบฯ มีฝนเพิ่มเล็กน้อย รวมถึงภาคกลางตอนล่าง กทม.–ปริมณฑล อาจมีฝนประปราย
กรมอุตุฯ ย้ำให้ประชาชนติดตามข้อมูลต่อเนื่อง เนื่องจากสภาพอากาศยังแปรปรวนและมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา.
