สส.พระนครศรีอยุธยา เรียกร้องจ่ายชดเชยผู้เสียชีวิต ศพละ 2 ล้าน พื้นที่อื่นเท่าเทียมกัน ขณะที่ อบจ. ยันจ่ายครบตามเกณฑ์ขั้นบันได 5,000 – 15,000 บาท แต่บางพื้นที่ยังต้องรอประเมิน ด้าน ชาวบ้าน แม้บางพื้นที่น้ำเริ่มลด แต่แอบหวั่นปีหน้าท่วมซ้ำหนัก ห่วงงานป้องกันล่าช้า โครงการเจ้าพระยา 2 ยังไม่เสร็จ
The Active ลงพื้นที่ตำบลบางหลวง อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ยังพบว่า ชาวบ้านได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่ยืดเยื้อหลายเดือน แม้น้ำจะเริ่มลดลงแล้ว แต่ยังคงทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้ทั่วบริเวณ บ้านหลายหลังมีรอยน้ำท่วมสูงถึงชั้น 2 ขณะเดียวกันพื้นดินยังมีดินโคลน และน้ำขัง ชาวบ้านต้องเตรียมทำความสะอาดและฟื้นฟูสภาพบ้านเรือนอย่างต่อเนื่อง

ผ่องศรี เนื่องไชยศ ชาวบ้านในพื้นที่ ให้ข้อมูลว่า แม้รัฐประกาศผ่านสื่อ ว่าจะจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบภัย เดือนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3–4 เดือน แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ จากการติดตามข่าวจากหลายช่องทาง ซึ่งมีรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่า จะเยียวยาเพิ่มเติม แต่ชาวบ้านกลับ “ยังไม่ได้อะไรเพิ่ม” นอกจากเงินช่วยเหลือ 9,000 บาท เพียงรอบเดียว ขณะที่ข่าวการจ่ายรอบสองยังเงียบ
เธอเล่าว่า สถานการณ์น้ำท่วมทำให้ชาวบ้านขาดรายได้เป็นเวลานาน หลายครอบครัวต้องพึ่งเงินเบี้ยผู้สูงอายุ 600 บาท และสวัสดิการคนจน 300 บาท ซึ่งไม่พอแม้แต่จ่ายค่าไฟ ส่วนโครงการคนละครึ่ง หรือสิทธิเพิ่มเติมอื่น ๆ ที่เคยประกาศในข่าวก็ “ไม่ได้รับจริง”

ผ่องศรี ยังบอกว่า บ้านที่ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งประตู หน้าต่าง กระจก และพื้นบ้าน ดังนั้นเงิน 9,000 บาทไม่พอ เมื่อเทียบกับค่าซ่อมแซมจำนวนมาก รวมถึงค่าใช้จ่ายจำเป็นในชีวิตประจำวัน
เรียกร้องรัฐช่วยเหลือทุกด้าน-ขอลดภาระค่าครองชีพ
ผ่องศรี ยังฝากถึงรัฐบาล หน่วยงานท้องถิ่น และผู้แทนในพื้นที่ว่า อยากให้ช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงจัง ทั้งเรื่องค่าไฟ ค่าน้ำ และค่าครองชีพที่สูงขึ้น ขณะที่หลายครอบครัวไม่มีรายได้ประจำและมีเพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นหลัก
“พวกเราไม่ได้มีเงินเดือนอะไรเลย รายได้ก็ไม่มี มีแค่เบี้ยผู้สูงอายุ 600 บาท จะให้พอได้อย่างไร”
ผ่องศรี เนื่องไชยศ
แม้ชาวบ้านจะเข้าใจว่าพื้นที่อื่น เช่น หาดใหญ่ มีความรุนแรงมากกว่า แต่ก็มองว่าการเยียวยาควรเสมอภาค เพราะน้ำท่วมบางบาลกินเวลาหลายเดือนและสร้างความเดือดร้อนอย่างหนักเช่นกัน

สส.อยุธยา ร้องชดเชยผู้เสียชีวิต 2 ล้าน เท่าเทียมภาคอื่น
ขณะที่ ทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พรรคประชาชน พระนครศรีอยุธยา เขต 1 เรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรเงินชดเชยผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมในภาคกลางรายละ 2 ล้านบาท เช่นเดียวกับพื้นที่ภาคอื่น โดยระบุว่าในพื้นที่ภาคกลางมีผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมจำนวนมาก เฉพาะจังหวัดพระนครศรีอยุธยาคาดว่ามีราว 20 คน
ทวิวงศ์ ยังชี้ว่า น้ำท่วมในภาคกลาง โดยเฉพาะอยุธยา มีสาเหตุมาจากการบริหารจัดการน้ำถึง 80% ขณะที่ผลกระทบจากสภาพอากาศเป็นเพียง 20% โดยอยุธยายังคงเป็นพื้นที่ที่ถูก บังคับให้รับน้ำ ตลอดหลายปี ทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบซ้ำซาก
สส.ประชาชน ยังเตือนว่าจากข้อมูลการคำนวณสภาพอากาศปีหน้า ภาคกลางอาจเผชิญฝนตกหนักมากกว่าปีนี้ เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญาเริ่มรุนแรงขึ้น จึงกังวลว่าหากรัฐบาลยังคงใช้ระบบบริหารจัดการน้ำแบบเดิม ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากจะเกิดขึ้นอีกแน่นอน

ทวิวงศ์ จึงเสนอ 3 มาตรการเร่งด่วน คือ
- เร่งระบายน้ำออกจากทุ่งรับน้ำอยุธยาเพื่อให้ชาวนาเริ่มทำนาได้ตามฤดูกาล
- อัดฉีดงบประมาณฟื้นฟูภาคกลางเทียบเท่าภาคใต้ที่ได้รับงบฯ มากกว่า 500 ล้านบาท
- สนับสนุนงบให้ท้องถิ่นจัดหาอุปกรณ์ทำความสะอาดและเครื่องจักรหนัก เช่น รถฉีดน้ำ ลอกโคลน เพื่อช่วยชาวบ้านฟื้นฟูบ้านเรือนและอาคารสาธารณะ
แจงเงินเยียวยา 9,000 บาท ได้ครบแล้ว พื้นที่ท่วม 3 เดือนรับตามขั้นบันได
ขณะที่ วสุ จานุรัตน์อนันต์ รองปลัด อบจ.พระนครศรีอยุธยา ให้ข้อมูลกับ The Active ว่า นโยบายเยียวยาเป็นไปตามแนวทางของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ที่กำหนดให้ครัวเรือนละ 9,000 บาท และกรณีน้ำท่วมยาวนานจะมี “ขั้นบันได” 5,000 – 10,000 – 15,000 บาท ตามจำนวนเดือนที่น้ำท่วม

จากการประชุมใหญ่ระดับจังหวัดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับรายงานว่าครัวเรือนส่วนใหญ่ได้รับเงินเยียวยาแล้ว ส่วนเงินตามขั้นบันได สำหรับพื้นที่ที่ท่วม 3 เดือนขึ้นไปก็ได้รับครบถ้วนเช่นกัน ยกเว้นบางหลังคาเรือนที่น้ำยังท่วมต่อเนื่องเข้าเดือนที่ 4 ที่ต้องรอประเมินสถานการณ์ก่อน
สำหรับกรณีเงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิตที่แตกต่างกัน รองปลัด อบจ.พระนครศรีอยุธยา ระบุว่า ตามข้อมูลในอยุธยามีผู้เสียชีวิตราว 20 ราย ได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 50,000 บาท ขณะที่กรณีหาดใหญ่ได้รับรายละ 2 ล้านบาทนั้น เป็นเหตุภัยพิบัติรุนแรงระดับประวัติศาสตร์ในรอบ 300 ปี ทำให้ ครม.อนุมัติกรอบการเยียวยาแตกต่างกัน
“ถ้าถามมุมมองส่วนตัวก็อยากให้ทุกพื้นที่ได้เท่า ๆ กัน แต่ต้องเป็นไปตามภารกิจและมติ ครม.”
วสุ จานุรัตน์อนันต์
ในเรื่องการฟื้นฟูพื้นที่นั้น รอง ปลัด อบจ.พระนครศรีอยุธยา ระบุว่า ขณะนี้เร่งส่งเครื่องสูบน้ำเพื่อให้เข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวได้ทันเวลา หลังน้ำลดจะเร่งสำรวจและซ่อมแซมถนนและโครงสร้างพื้นฐานทันที ส่วนการเคลียร์โคลนหากเกินศักยภาพของ อบต.และเทศบาล สามารถขอสนับสนุนเครื่องจักรจาก อบจ.ได้

สำหรับข่าวลือว่าปีหน้าจะเกิดน้ำท่วมรุนแรงกว่าเดิม รองปลัด อบจ.พระนครศรีอยุธยา ยอมรับว่า ยังไม่สามารถยืนยันได้ แต่ อบจ.มีแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประจำปีอยู่แล้ว พร้อมกล่าวถึงโครงการขุด “แม่น้ำเจ้าพระยา 2” ของกรมชลประทาน ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จราวปี 2570 – 2571 ซึ่งจะช่วยระบายน้ำและลดความเสี่ยงน้ำท่วมในอำเภอบางบาลและเสนาได้มาก
