เครือข่ายจัดการภัยพิบัติภาคใต้ เตรียมรับมือ เฝ้าระวังสถานการณ์ และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาวะวิกฤต ช่วง 11-16 ธ.ค. นี้ หลัง ปภ. แจ้ง 8 จังหวัดภาคใต้ และประจวบคีรีขันธ์ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และคลื่นลมแรง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้ง 8 จังหวัดภาคใต้ ชุมพร สุราษฎร์ธานีนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และภาคกลาง คือ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง ในช่วงวันที่ 11 – 16 ธ.ค. 68 สำหรับ จ.นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส ให้ระวังคลื่นลมแรงด้วย
โดยให้พื้นที่เฝ้าระะวังสถานการณ์จัดทีมปฏิบัติการ และนำเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย โดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง
สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนประชาชนนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งเตือนการเดินเรือ และเดินเรือด้วยความระมัดระวัง รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตามประกาศแจ้งเตือนภัยจากทางราชการอย่างเคร่งครัด
ปภ. ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยา ได้มีประกาศฉบับที่ 1 (374/2568) แจ้งว่า
ช่วงวันที่ 11 – 12 ธ.ค. 68 ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดชุมพร โดยมีฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และจังหวัดสงขลา เนื่องจากจะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้
ช่วงวันที่ 13 – 16 ธ.ค. 68 ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และจังหวัดนราธิวาส เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น
สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2 – 3 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร จึงขอแจ้งพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ ดังนี้
พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง
- ภาคกลาง จ.ประจวบคีรีขันธ์
- ภาคใต้ 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และจังหวัดนราธิวาส
พื้นที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรงภาคใต้
- จ.นครศรีธรรมราช (อ.เมืองนครศรีธรรมราช ขนอม สิชล ท่าศาลา ปากพนัง และ อ.หัวไทร)
- จ.สงขลา (อ.เมืองสงขลา ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ สิงหนคร จะนะ และ อ.เทพา)
- จ.ปัตตานี (อ.เมืองปัตตานี หนองจิก ยะหริ่ง ปะนาเระ สายบุรี และ อ.ไม้แก่น)
- จ.นราธิวาส (อ.เมืองนราธิวาส และ อ.ตากใบ)
กอปภ.ก ยังได้ประสานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ 8 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุงสงขลา ปัตตานี ยะลา และจังหวัดนราธิวาส และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ เขต 11 สุราษฎร์ธานี และเขต 12 สงขลา ให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์ขึ้น ตลอด 24 ชั่วโมง สนับสนุนจังหวัดจัดให้มีศูนย์พักพิงชั่วคราว และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิดรวมถึงแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า เพื่อให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการ และปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด
สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ในระยะนี้ขอให้ติดตามสภาพอากาศ ประกาศการแจ้งเตือนภัย สถานการณ์น้ำในพื้นที่ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” สามารถดาวน์โหลดได้ ทั้งระบบ IOS และ Android และหากความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784”
เครือข่ายจัดการภัยพิบัติภาคใต้ เตรียมพร้อมวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ แจ้งเตือนเฝ้าระวัง ซ้อมแผนการจัดการอพยพ และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในสถานการณ์ภาวะวิกฤต
The Active ตรวจสอบไปยัง ฉัตรชัย เจะปอ ทีมเครือข่ายมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ประจำพื้นที่ ต.ลิปะสะโง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่ง ต.ลิปะสะโง เป็นพื้นที่ท้ายน้ำ รับน้ำจากแม่น้ำสายหลัก 2 สาย คือแม่น้ำปัตตานี ที่ไหลมาจากยะลา และแม่น้ำสายบุรี ที่ไหลมาจากนราธิวาส ก่อนลงปากอ่าวปัตตานีลงสู่ทะเล
การเผชิญภัยพิบัติน้ำท่วมฉับพลันและรุนแรงในปี 2566 ทำให้ตอนนี้ชาวบ้านที่นี่ตื่นตัว ยกข้าวของเครื่องใช้จำเป็นไว้บนที่สูงกว่าระดับน้ำที่เคยท่วมสูงสุด
ขณะที่เครือข่ายจัดการภัยพิบัติฯ ผู้นำชุมชน อาสาสมัคร เดินหน้าเชิงรุกในการประเมินสถานการณ์ แจ้งเตือนเฝ้าระวังต่อประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
“เราได้เตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเรือ ที่เหมาะสมบริบทในพื้นที่ โดยได้ซ้อมแผนการจัดการอพยพ และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในสถานการณ์ภาวะวิกฤต นอกจากนี้ยังมีการเตรียมจุดพักพิง อาหาร น้ำดื่ม ไว้รองรับกรณีวิกฤต ครอบคลุมทุกพื้นที่เรียบร้อยแล้ว”
ฉัตรชัย กล่าว
ฉัตรชัย กล่าว






