ย้ำ ปมแรงงานเรียกร้อง ‘เพิ่มโบนัส’ ตามผลประกอบการ คือความยุติธรรมพื้นฐาน ที่นายจ้างควรยอมรับ

‘สว.เทวฤทธิ์’ มองปม บ.ไดกิ้นฯ สั่ง ‘ปิดงานงดจ้าง’ ตัวแทนสหภาพฯ เรียกร้องเพิ่มโบนัส ส่งสัญญาณนายจ้างใช้อำนาจกดทับสิทธิการรวมตัวแรงงาน หวั่น สร้างบรรทัดฐาน กระทบสิทธิแรงงานทั่วประเทศ จี้ ก.แรงงาน เร่งเคลียร์ปมพิพาท ด้าน ‘รมว.แรงงาน’ สั่ง กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่วมวงเจรจาหาทางออก 8 ธ.ค. นี้

ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงข้อพิพาทระหว่าง บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด กับสหภาพแรงงานไดกิ้นอมตะรักษ์เสรี โดยยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นการ “เลิกจ้าง” แต่เนื่องจากการเจรจาข้อพิพาทระหว่างนายจ้างกับสหภาพแรงงานไม่สามารถตกลงกันได้  

โดยได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เข้าไปเป็นคนกลางร่วมเจรจาเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ได้มีการเจรจากันมา 11 ครั้งแล้วแต่ไม่ได้ข้อยุติ บริษัทจึงได้แจ้งเป็นข้อพิพาทแรงงานต่อพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงาน ซึ่งเป็นการแจ้งปิดงานงดจ้าง จนกว่าการเจรจาจะได้ข้อยุติ 

ภาพ : เพจ มนุษย์โรงงาน

เรือเอกสาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน บอกว่า จะเร่งดำเนินการเข้าไปร่วมเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทครั้งที่ 12 ในวันที่ 8 ธ.ค. นี้

สำหรับกระบวนการ ปิดงาน เป็นการดำเนินการตาม พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ โดยช่วงที่ปิดงานนั้นนายจ้างจะไม่จ่ายค่าจ้าง ซึ่งดำเนินการได้ตาม 2 กรณี คือ  

  1. ลูกจ้างนัดหยุดงาน

  2. การเจรจาระหว่างนายจ้างและลูกจ้างไม่ได้ข้อยุติ ไม่ใช่การเลิกจ้างแรงงานแต่อย่างใด 

ก่อนหน้านี้พนักงานและสหภาพแรงงานไดกิ้นอมตะรักษ์เสรี มีการชุมนุมประท้วงหลังบริษัทกำหนดจะจ่ายโบนัสประจำปี 68 ที่จำนวน 5 เดือน พร้อมเงินพิเศษ 12,000 บาท แต่พนักงานและสหภาพแรงงานฯ มองว่าน้อยเกินไป พร้อมเรียกร้องให้มีการทบทวนตัวเลขโบนัสเพิ่มขึ้น โดยอ้างอิงจากผลประกอบการของบริษัทที่ทำกำไรได้เพิ่มมากขึ้นในปีนี้ ซึ่งข้อเรียกร้อง คือ ต้องจ่ายโบนัสที่ 8 เดือน พร้อมเงินพิเศษ 24,000 บาท และทองคำ 3 บาทสำหรับพนักงานที่มีอายุงาน 10 ปีขึ้นไป

อย่างไรก็ตามการเจรจายืดเยื้อมานานและมีการไกล่เกลี่ยมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันได้ จนเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 68 บริษัท ไดกิ้นฯ จึงได้ประกาศ “ปิดงานงดจ้าง” กับพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงครั้งนี้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค. 68 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป

ย้ำขอปรับโบนัส อิงความเหน็ดเหนื่อย ทุ่มเททำงาน
คือ ‘ความยุติธรรมพื้นฐาน’ ที่นายจ้างควรยอมรับ

ด้าน เทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ความเห็นต่อกรณีดังกล่าว โดยมองว่า การออกหนังสือประกาศปิดงานงดจ้างสมาชิกสหภาพแรงงานของบริษัทไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 นับเป็นการใช้เครื่องมือของนายจ้างตอบโต้คนงานที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมของตนเอง หลังจากพนักงานจำนวนหนึ่งใช้สิทธิหยุดงานตามกฎหมายเพื่อยืนยันข้อเรียกร้องเรื่องโบนัสและสิทธิในสัญญาจ้าง แต่กลับถูกบริษัทตอบโต้ด้วยการรปิดงานงดจ้างซึ่งมีผลกระทบทันทีต่อรายได้ ชีวิต และศักดิ์ศรีของครอบครัวแรงงานจำนวนมาก

พร้อมทั้งมองว่า แรงงานไดกิ้น ไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดเกินเลย เพียงแต่ต้องการโบนัสที่สอดคล้องกับผลประกอบการจริง ข้อเรียกร้องที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ โบนัส 8 เดือนพร้อมเงินพิเศษ 24,000 บาท อิงตามปีที่บริษัททำกำไรมหาศาลเกือบ 6,000 ล้านบาท และจากเดิมที่พวกเขาเคยได้รับโบนัสสูงกว่านี้ในปีที่ผ่านมา การขอส่วนแบ่งที่สอดคล้องกับความเหน็ดเหนื่อยทั้งปีจึงไม่ใช่เรื่องมากเกินไป แต่เป็นหลักความยุติธรรมพื้นฐานที่นายจ้างควรยอมรับ การที่บริษัทเสนอเพียง 5 เดือนกับเงินพิเศษที่ลดลงแม้ตัวเลขกำไรจะอยู่ในระดับสูง ถือเป็นเรื่องที่ผู้ใช้แรงงานจำนวนมากรู้สึกได้ทันทีว่าความทุ่มเทของพวกเขาถูกลดทอนอย่างไม่เป็นธรรม

“แม้ผมไม่ได้สนับสนุนหลักการของเงินโบนัสเต็มร้อย เพราะเงินโบนัสดูเหมือนจะเป็นเงินก้อนใหญ่ที่หลายคนคาดหวังในช่วงปลายปี แต่แท้จริงแล้วกลับซ่อนการกดค่าแรงเอาไว้และทำให้แรงงานต้องมาคาดหวังกลับเงินก้อนดังกล่าวเป็นประจำทุกปีจนปฏิบัติกันมาเป็นธรรมเนียมจนเสมือนว่าแรงงานทุกคนควรได้ แต่ในทางปฏิบัติโบนัสคือเงินก้อนสำคัญที่ทำให้ครอบครัวของพวกเขายืนหยัดท่ามกลางภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกเดือน คนงานโรงงานมีฐานเงินเดือนไม่มากนักจึงต้องทำงานล่วงเวลาหนักเป็นปกติเพื่อให้มีรายได้เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิต การได้โบนัสปลายปีสำหรับหลายคนอาจเป็นลมหายใจที่ทำให้คนงานสามารถวางแผนชีวิต ซ่อมบ้าน ส่งลูกเรียน หรือประคองครอบครัวให้รอดผ่านปีไปได้อีกปีหนึ่ง

เทวฤทธิ์ มณีฉาย

มอง ‘นายจ้างสั่งปิดงาน’ ส่งสัญญาณใช้อำนาจกดทับสิทธิการรวมตัวแรงงาน

สว.เทวฤทธิ์ ยังให้ความเห็นอีกว่า การตัดสินใจปิดงานงดจ้างของบริษัทเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าบริษัทพร้อมใช้อำนาจฝ่ายเดียวเพื่อกดทับสิทธิการรวมตัวของแรงงาน การรวมตัวและการตั้งสหภาพแรงงาน คือ สิทธิขั้นพื้นฐานของแรงงานตามหลักสากลและเป็นหัวใจของระบบแรงงานสัมพันธ์ที่เป็นธรรม สหภาพแรงงานไม่ใช่ศัตรูที่ต้องกำจัดหากแต่คือกลไกที่ทำให้การต่อรองเกิดขึ้นอย่างสมดุล และทำให้เสียงของแรงงานไม่ถูกกลบด้วยอำนาจฝ่ายนายจ้างอย่างสิ้นเชิง

“ผมขอคัดค้านมาตรการปิดงานของไดกิ้นเพื่อยืนยันหลักการสำคัญที่สุดของสังคมประชาธิปไตยในที่ทำงาน นั่นคือสิทธิในการรวมตัว จัดตั้งสหภาพ สิทธิในการเจรจาต่อรอง และสิทธิที่จะได้รับผลตอบแทนที่สะท้อนคุณค่าของแรงงานอย่างแท้จริง ไม่มีสังคมใดจะยืนอยู่ได้อย่างมั่นคงหากแรงงานซึ่งเป็นรากฐานของระบบเศรษฐกิจถูกปฏิบัติราวกับเป็นตัวเลขที่ลบได้ตามความต้องการของนายทุน และผมหวังว่ากระทรวงแรงงานเร่งดำเนินการให้มีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทฯ เพื่อเกิดการเจรจาหาข้อยุติร่วมกันได้โดยเร็ว

เทวฤทธิ์ มณีฉาย

สว.เทวฤทธิ์ ยังย้ำจุดยืนสนับสนุนสิทธิการรวมตัวเป็นสหภาพแรงงานที่ถือเป็นหลักสากล การใช้มาตรการกดดันสหภาพแรงงานของนายจ้าง จึงเป็นความพยายามจงใจทำลายสิทธิขั้นพื้นฐานของแรงงาน ซึ่งอาจเป็นบรรทัดฐานให้นายจ้างรายอื่น ๆ ปฏิบัติตามกันจนกระทบถึงสิทธิแรงงานทั่วประเทศ

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active