ย้ำ สิทธิ์ที่ประชาชน ผู้ประสบภัยต้องรู้!! นอกจากเงินเยียวยา 9,000 บาท ตามมติ ครม. ผู้ประสบภัยยังมีสิทธิ์ตามกฎหมาย ได้เงินชดเชยตามระเบียบกระทรวงการคลัง 2562 ชดเชยตามความเสียหายตามจริงอีกก้อน ทั้งชดเชยค่าครองชีพ เจ็บ ตาย บ้านเสียหาย พื้นที่เพาะปลูก สัตว์ตาย ก็ได้เงินอีกก้อน อย่าลืม!! ถ่ายรูปความเสียหายจากน้ำท่วม ไว้เป็นหลักฐาน ขณะที่ ภาคประชาชน จี้ รัฐ ท้องถิ่น เร่งสื่อสาร กระจายแบบฟอร์ม ให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิ์ตามกฎหมายทันเวลา
ไมตรี จงไกรจักร์ ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไท เปิดเผยกับ The Active เน้นย้ำถึงผู้ประสบภัยน้ำท่วมโปรดทราบว่า เงินเยียวยา 9,000 บาท เป็นการให้ความช่วยเหลือผ่านมติ ครม.เช่นเดียวกับค่าปลงศพ แต่ความจริงแล้ว ยังมีสิทธิ์ได้รับการชดเชยเยียวยาตาม “ระเบียบกระทรวงการคลังฯ 2562” ประกอบด้วย
- ค่าจัดหาสิ่งของดำรงชีพเบื้องต้น
- ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
- ค่าที่พักชั่วคราว
- ค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและสิ่งปลูกสร้าง
- เงินช่วยเหลือกรณีพื้นที่เพาะปลูกเสียหาย
- เงินช่วยเหลือสัตว์ตายหรือสูญหาย
ทั้งหมดนี้ผู้ประสบภัยก็มีสิทธิ์ได้รับด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นสิทธิที่ต้องดำเนินการเพื่อรับเงินชดเชยความเสียหายตามจริง ภายใน 90 วันหลังน้ำลด

ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไท บอกว่า สิ่งแรกก็คือที่รัฐบาลมีมติ ครม. ให้เป็นค่าตกใจ 9,000 บาท เงินพวกนี้เป็นเรื่องที่นอกเหนือจากระเบียบกฎหมายที่เคยมี เพราะฉะนั้นเป็นแค่ชั่วคราว เรื่องที่ 2 ก็คือ ค่าทำศพ 2 ล้านบาท ก็เป็นมติ ครม. ที่เป็นเหมือนกับชั่วคราวเช่นเดียวกัน
“แต่อย่าลืมว่ายังมี ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการชดเชยเยียวยาผู้ประสบภัย พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องได้ตามกฎหมาย ขอให้เข้าใจตรงกันว่าแยก 2 ส่วนกัน ได้ 2 แบบ ที่ประชาชนต้องรู้สิทธิ์ตัวเอง เพื่อให้ไม่เสียสิทธิ”
สำหรับหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงิน ด้านการดำรงชีพ ค่าจัดหาสิ่งของดำรงชีพเบื้องต้น มีดังนี้


การดำรงชีพ ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต มีดังนี้

ด้านการดำรงชีพ ที่พักชั่วคราว มีดังนี้

ด้านการดำรงชีพ ค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและสิ่งปลูกสร้าง

หลักเกณฑ์วิธีปฎิบัติปลีกย่อย ฯ ด้านการเกษตร พ.ศ. 2564 กรณีเงินช่วยเหลือกรณีพื้นที่เพาะปลูกเสียหาย ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ ประกอบด้วย

เงินช่วยเหลือ กรณีสัตว์ตายหรือสูญหาย

ขั้นตอนสำคัญ! ประชาชนต้องทำเพื่อรักษาสิทธิ์ตามกฎหมาย
ผู้ประสบภัยมี สิทธิตามกฎหมาย ที่จะได้รับเงินชดเชยความเสียหายตามระเบียบปี 2562 ซึ่งต้องดำเนินการด้วยตัวเอง ดังนี้
- ถ่ายรูปหลักฐานให้ครบถ้วน : ถ่ายภาพความเสียหายทั้งหมด ก่อนการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ เช่น ประตู หน้าต่างที่พัง เครื่องนอน เครื่องครัวที่เสียหาย เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการยื่นสิทธิ์
- แจ้งสิทธิ์ที่ท้องถิ่นภายใน 90 วัน : ต้องแจ้งต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ภายใน 90 วัน นับจากภัยพิบัติจบหรือน้ำลดลง โดยระบุให้ชัดเจนว่าเป็นการ “แจ้งสิทธิ์ตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ 2562” และเขียนรายละเอียดความเสียหายให้ครบถ้วน
- อำนาจตัดสินอยู่ที่จังหวัด : อปท. มีหน้าที่เพียงสำรวจและบันทึกเท่านั้น ผู้มีอำนาจตัดสินใจอนุมัติเงินคือ คณะกรรมการระดับจังหวัด (ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน)
- ระยะเวลา : การรับเงินโดยประมาณจะใช้เวลา 90 ถึง 120 วัน หลังจากการแจ้งสิทธิ์
ย้ำ!! ประชาชนต้องแจ้งสิทธิ์พร้อมหลักฐานภายใน 90 วัน
ไมตรี ยังย้ำด้วยว่า ผู้ประสบภัยทั้งหมดต้องถ่ายรูป ความเสียหายในบ้านตัวเองไว้ก่อน เช่น ถ้ามีห้องนอน 3 ห้อง ก็ควรถ่ายรูป 3 ห้องไว้ หรือว่าในบ้านหลังมีคนอยู่กี่คน เพราะว่า เครื่องนุ่งห่มก็ให้รายคน เพราะฉะนั้น ถ้ามี 7 คน ก็จะได้คนละ 1,000 บาท ก็ไม่เกิน 7,000 บาท ชุดนักเรียนนับได้ เครื่องนอน เครื่องนุ่งห่ม เครื่องครัว ก็ต้องถ่ายรูปไว้หมด เรื่องบ้านก็ถ่ายรูปไว้ก่อน
“อยากฝากภาครัฐ และท้องถิ่น ควรเร่งสื่อสารความแตกต่างของเงินทั้ง 2 ก้อนนี้ให้ชัดเจน และเร่งกระจายแบบฟอร์มการสำรวจ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสิทธิ์ตามกฎหมายได้ทันเวลา โดยไม่ควรใช้อำนาจตัดสินว่าประชาชนไม่มีสิทธิ์ เนื่องจากเป็นอำนาจของคณะกรรมการจังหวัด”
ไมตรี จงไกรจักร์
ขณะที่ส่วนสำคัญ คือว่า รัฐบาลต้องเป็นผู้ประกาศ ว่า ประชาชนจะมีสิทธิ์เข้าถึง งบฯ ทดลองราชการช่วยเหลือผู้ประสบภัยระเบียบนี้ด้วย ประชาชนผู้ประสบภัยก็ จะรู้สึกว่าพวกเขายังมีความหวังไม่ใช่แค่รอว่าจะเอาเงินที่ไหนมาซ่อมบ้าน หรือต้องกู้เงินที่รัฐบาลประกาศ เท่า นั้น แต่ยัง มีสิทธิ์ที่จะได้ตามนี้ จริง ๆ มันมีเรื่อง ค่าเช่าบ้านด้วย ซึ่งเราเห็นมีคนบ่นเรื่องไม่มีค่าเช่าบ้าน ถามว่า รัฐจ่ายได้ 3 เดือน เพราะ ฉะนั้นก็ต้องช่วยกัน
ขณะที่ข้อเสนอเชิงนโยบายต่อจากนี้ เสนอว่า การจัดการภัยพิบัติไทย ต้องเร่งส่งเสริมท้องถิ่นเข้มแข็งในการจัดการภัย ขณะที่รัฐก็ต้องเน้นงบฯ ป้องกันภัยพิบัติ มากกว่าเกิดเหตุแล้วมาเยียวยาทีหลัง
