มูลนิธิกระจกเงา-สำนักกิจการความมั่นคงภายใน กรมการปกครอง ซักซ้อมความเข้าใจ-เตรียมเอกสาร ชาวลัวะ ทวีวัฒนา กทม. ก่อนยื่น ‘รับรองสถานะบุคคล’ 30 มิ.ย. นี้ พบอุปสรรคบันทึกข้อมูลสำรวจผิด หวั่น หาพยานยืนยัน แก้ไขเอกสาร ทำดำเนินการล่าช้า ชาวบ้าน หวัง “รอคอยมานาน 20 – 30 ปี ถ้าได้สักทีก็คงจะดี”
วันนี้ (13 มิ.ย. 68) คลินิกกฎหมาย มูลนิธิกระจกเงา กลุ่มงานชนกลุ่มน้อย ร่วมกับ สำนักกิจการความมั่นคงภายใน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงพื้นที่ซักซ้อมความเข้าใจ และตรวจสอบเอกสารให้กับชาวลัวะ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร หลังกระทรวงมหาดไทย ออกประกาศหลักเกณฑ์ ตามมติ ครม. 29 ต.ค. 67 เรื่องเร่งรัดหลักเกณฑ์เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติ และสถานะบุคคล ให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักร

ศิวนุช สร้อยทอง หัวหน้าคลินิกกฎหมายมูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยกับ The Active ว่า การเปิดพื้นที่ซักซ้อมความเข้าใจวันนี้ ในชุมชนลัวะ ทวีวัฒนา เพื่อต้องการสะท้อนให้เห็นว่า ในพื้นที่ กทม. มีกลุ่มชาติติพันธุ์ที่มีปัญหาเรื่องสัญชาติอาศัยอยู่ โดยเชิญเจ้าหน้าที่จากกรมการปกครองเข้ามาคุยกับกลุ่มเป้าหมายจริง ๆ ว่าเป็นอย่างไร วันนี้จึงเป็นเหมือน “พื้นที่ความรู้” ที่สร้างขึ้น ซึ่งอยากให้เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ หวังว่าสำนักกิจการความมั่นคงภายในจะเดินทางไปในหลาย ๆ จังหวัดเพื่อสร้างความเข้าใจ
“มติ ครม.ดี แต่ถ้าขาดความรู้ ความเข้าใจ ของคนที่เกี่ยวข้อง มันก็จะเคลื่อนไม่ได้ วันนี้จึงเป็นการทำความเข้าใจ และเรื่องกรณีตัวอย่าง ที่จะชวนสังคมเรียนรู้ว่า จริง ๆ มติ ครม.นี้ ไม่ใช่เรื่องแรงงาน ไม่ใช่เรื่องจีนเทา แต่เป็นคนชาติพันธุ์ลัวะ ที่อยู่ในแผ่นดินสุวรรณภูมิมาหลายร้อยปีแล้ว และเขาเกี่ยวข้องกับประเทศไทย และคนกลุ่มนี้อยู่ไทยมาเกิน 40 ปี เขาคือคนไทย”
ศิวนุช สร้อยทอง

ศิวนุช ระบุว่า ปัญหาเอกสาร คือความน่ากังวลของชาวลัวะ และชาติพันธุ์หลายกลุ่มในไทย เนื่องจากรุ่นพ่อแม่บางคนก็ไม่มีสูติบัตร หรือบางคนบันทึกวันเดือนปีเกิดผิด ชื่อพ่อแม่ผิด ชื่อนามสกุลผิด ในส่วนของชาติพันธุ์ เมื่อมีการสำรวจจะเป็นการสำรวจคนจำนวนมาก ซึ่งการสำรวจตอนนั้นเพื่อบันทึกตัวตน และเมื่อเขาไม่สามารถอ่านออกเขียนได้ ผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้นำชุมชน ก็จะเป็นคนบอกข้อมูลเหล่านั้นกับเจ้าหน้าที่ ทำให้เกิดความผิดพลาดหลายรูปแบบ ทำให้เมื่อมีการเริ่มพัฒนาสิทธิ จึงพบว่า ข้อมูลในฐานทะเบียนราษฎรไม่ตรงกับความจริง สรุปได้ 3 รูปแบบ คือ
- ทะเบียนราษฎรบันทึกข้อมูลไม่ครบ เช่น เขาเดินทางเข้ามาปี 2537 แต่ในฐานข้อมูลไม่ได้ใส่ปีที่เข้ามา ก็ทำให้มีปัญหาเวลาไปยื่นคำร้อง
- บันทึกผิดพลาดบางอย่าง เช่น เกิดในเมียนมา แต่บันทึกว่าเกิดไทย พอจะแก้ไขก็มีปัญหาว่า ไม่สามารถหาพยานพิสูจน์ว่าเกิดที่เมียนมาได้ เพราะอพยพมานานกว่า 40 ปี แล้ว หรือ การบันทึกกลุ่มผิดพลาด ในการสำรวจ 19 กลุ่มของชาติพันธุ์ มีคนกลุ่มหนึ่งที่ตอนสำรวจบอกไม่ได้ว่าตัวเองเป็นกลุ่มไหน ทำให้มีการบันทึกเป็นกลุ่มอื่น ๆ ไว้ ก็จะมีปัญหาตามหลังเกณฑ์ใหม่อยู่ว่ายื่นได้เลยหรือไม่ ซึ่งการตีความในปัจจุบันยังบอกว่าให้ไปแก้ไขเอกสารให้เรียบร้อยก่อน
- กลุ่มที่ไม่มีรายการในทะเบียนราษฎร หรือ ตกสำรวจ ซึ่งมีอยู่บ้างแต่จำนวนไม่มาก เสนอว่าให้นำเขาเข้าทะเบียนก่อนแล้วค่อยนำไปสู่ขั้นตอนการพิสูจน์การเดินทางเข้าไทย
ศิวนุช ยังย้ำว่า มติ ครม.ครั้งนี้ต้องการที่จะแก้ไขปัญหาคนที่อยู่มานานแล้ว ไม่ได้พูดถึงแรงงาน ไม่ได้พูดถึงจีนเทา ดังนั้น ต้องทราบว่า “ประเทศไทยโอบกอดคุณแล้ว คุณรักประเทศไทย ประเทศไทยก็รักคุณ” ฉะนั้นเวลาที่ไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ให้พูดความจริง เจ้าหน้าที่เขาจะดูตามความจริง แล้วจะมาดูว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร
“สิ่งสำคัญที่ไม่ควรทำนับตั้งแต่วันนี้ จนถึงการถือบัตรประชาชนคนไทยเลยก็คือ การทำสิ่งผิดกฎหมาย เพราะการที่เราเข้ามาอยู่ในประเทศไทย เราต้องเป็นคนที่มีความประพฤติดี ทุกประเทศไม่มีใครต้องการอาชญากร ไม่มีใครต้องการขบวนการฟอกเงินข้ามชาติ ต้องการขบวนการสวมบัตร ทุจริตคอร์รัปชัน ดังนั้น เราต้องอยู่ภายใต้กติกาของประเทศไทย การทำความผิดต้องไม่เกิดขึ้น หากทำผิดอาญาร้ายแรงจะถูกเพิกถอนสถานะการอยู่ถาวร หรืออาจถูกเพิกถอนสัญชาติได้ เพราะ ไม่ได้เป็นคนไทยโดยการเกิด ดังนั้นต้องตระหนักถึงเรื่องนี้เอาไว้”
ศิวนุช สร้อยทอง

ขณะที่ ธนดล สถาวรเวทย์ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ สำนักกิจการความมั่นคงภายใน กรมการปกครอง บอกว่า สิ่งสำคัญที่กรมการปกครองอยากสื่อสารให้พี่น้องที่มีสิทธิในการขอสถานะเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับใหม่ ที่ออกตามมติ ครม. 29 ต.ค. 2567 คือ มีคุณสมบัติอย่างไร เอกสารอะไรที่ต้องเตรียมพร้อม สามารถยื่นคำขอได้ที่ไหน ดำเนินการในระยะเวลากี่วัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องในเบื้องต้น โดยจะเริ่มรับคำร้องในวันที่ 30 มิ.ย. 68 หลังจากได้รับอนุญาตให้มีสถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย จะได้ได้รับเอกสาร คือ หนังสือรับรองการได้รับอนุญาตให้มีสถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นเอกสารชิ้นแรก
ในพื้นที่ กทม. จะเป็นผู้อำนวยการสำนักความมั่นคงภายใน กรมการปกครอง เป็นผู้ดำเนินการ ส่วนในจังหวัดอื่น ๆ จะมีนายอำเภอเป็นคนออกให้ เพื่อนำไปใช้เป็นเอกสารประกอบเพื่อนำชื่อเข้าในทะเบียนบ้าน ทร.14 ซึ่งเป็นทะเบียนบ้านที่เหมือนกับคนไทยทั่วไป หลังจากนั้นก็จะดำเนินการถ่ายบัตรประจำตัวคนไม่มีสัญชาติไทย เป็นบัตรเลข 8 (สีชมพู) จากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนที่จะต้องไปติดต่อ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อรับใบสำคัญถิ่นที่อยู่ (สีน้ำเงิน) เพื่อรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว (สีแดงเลือดหมู)
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เอกสารผิดพลาด อาจจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการแก้ไข ซึ่งจะมีการนำประเด็นนี้ไปหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางปฏิบัติให้เกิดความสะดวกต่อประชาชนและถูกต้องตามกฎหมาย

ธนดล ระบุว่า สิทธิที่จะได้รับหลังจากนั้นคือ เมื่ออาศัยอยู่ครบ 5 ปี ก็จะได้รับสิทธิในการยื่นคำขอแปลงสัญชาติไทยได้ตาม พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2507 อีกส่วนที่สำคัญคือสามารถเดินทางออกนอกพื้นที่ได้ทั่วประเทศไทย โดยไม่ต้องขออนุญาตออกนอกพื้นที่
“เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานนี้มีความตั้งใจ มุ่งมั่น ในการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับสิทธิในการพัฒนาสถานะ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือกลุ่มบุตรที่เกิดไทย ถ้าเอกสารครบถ้วน มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่จะดำเนินการให้ได้ตามกฎหมายต่อไป”
ธนดล สถาวรเวทย์
สาม ตาโป ประธานศูนย์ประสานงานสมาคมลัวะทวีวัฒนา เปิดเผยว่า ชาวบ้านในพื้นที่ 530 คน มีทั้งกลุ่ม เลข 6 และ 0-89 กลุ่มที่มีการบันทึกเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ 0-89 กลุ่มอื่น ๆ และ 0 ทั่วไป โดยปัญหาที่พบในพื้นที่จากการตรวจสอบเอกสาร พบว่า บางคนเอกสารไม่ครบ ข้อมูลที่บันทึกในเอกสารไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทำให้ที่ผ่านมาการยื่นรับรองสถานะบุคคลไม่สามารถทำได้


แดง นัยสาม ชาวลัวะ ทวีวัฒนา บอกว่า รู้สึกดีใจมาก ที่หลักเกณฑ์การรับรองจากแล้วเสร็จภายใน 5 วัน เพราะก่อนหน้านี้ได้ทำการยื่นไปแล้วตั้งแต่เดือน ม.ค. 67 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะมี มติ ครม. แต่ยังไม่ทราบถึงความคืบหน้าอย่างเป็นทางการ ซึ่งหากสามารถทำให้เสร็จภายใน 5 วัน ก็ยังมีคำถามอยู่ว่าจะต้องยื่นใหม่หรือไม่ หรือไม่ต้องยื่นแล้ว โดยในวันที่ 30 มิ.ย. นี้ ก็จะเดินทางไปยื่นคำร้องและทวงถามความคืบหน้า
“ผมดีใจมากเรารอกันมา 20 30 ปี ถ้าได้สักทีก็คงจะดี”
แดง นัยสาม