กรมทางหลวง ส่งหนังสือเชิญชาวบ้านเข้ารับฟังรายละเอียดโครงการสำรวจออกแบบพื้นที่สร้างโครงการแลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง 12 ธ.ค. 67 แต่ไม่ทำตามข้อกำหนดนำหมุดออก หลังพบเจ้าหน้าที่สำรวจและปักหมุดไปก่อนหน้านี้
วันนี้ (2 ธ.ค. 2567) สมโชค จุงจาตุรันต์ ตัวแทนเครือข่ายรักษ์พะโต๊ะ เผยกับ The Active ว่า จากกรณีที่ สำนักสำรวจและออกแบบ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ได้มีหนังสือเชิญให้ชาวบ้านในพื้นที่เข้าร่วมการประชุมปฐมนิเทศโครงการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สาย ชุมพร – ระนอง เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 67 แต่กลับพบว่าก่อนหน้านี้กรมทางหลวงได้มีเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการสำรวจและปักหมุดในที่ดินของชาวบ้านไปก่อนแล้ว จึงเกิดเป็นข้อเรียกร้องของชาวบ้านว่ายังไม่ต้องการให้เวทีปฐมนิเทศเกิดขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ดำเนินการปักหมุดไปแล้ว และหากจะจัดเวทีปฐมนิเทศจะต้องดำเนินการ นำหมุดออกจากพื้นที่ก่อน
- ติดตามนโยบายแลนด์บริดจ์ (Land bridge) ใน Policy Watch Thai PBS
โดยในวันนั้นได้มีข้อตกลงกัน และระบุเป็นบันทึกความเข้าใจ ระหว่างชาวบ้านกับผู้จัดการโครงการ ใจความว่า “การดำเนินการประชุมในวันที่ 22 ต.ค. 2567 โดยบริษัทที่ปรึกษาและกรมทางหลวง ไม่นับเป็นการประชุมปฐมนิเทศโครงการ เนื่องจากมีการ ดำเนินสำรวจและปักหมุดที่ดินของโครงการก่อนการประชุมวันนี้ โดยจะถอดหมุดที่ดินในเดือนพฤศจิกายน 2567 วันนี้จึงถือว่าเป็นการประชุมเสนอข้อมูลรายละเอียดเบื้องต้น เนื่องจากมีกลุ่มประชาชนอยู่ในห้องประชุม” ซึ่งลงนามโดย นายธนนท์ พรรพีภาส รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร (ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี 1 พ.ย. 67) และ นายสุพัฒน์ ชุ่มมุณีรัตน์ ผู้จัดการโครงการ กรมทางหลวง
สมโชค กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 20 พ.ย. 67 ได้มีหนังสือเชิญเข้าร่วมประชุมปฐมนิเทศเพิ่มเติม อีกครั้งในวันที่ 12 ธ.ค. 2567 พร้อมกับมีหนังสือชี้แจงกับเครือข่ายรักษ์พะโต๊ะ – รักษ์ระนอง ถึงกรณีการปักหมุดดังกล่าว โดยระบุว่า การสำรวจพื้นที่และการจัดทำหมุด GPS เป็นกระบวนการปกติที่ดำเนินการในช่วงเริ่มต้นของการศึกษาและออกแบบโครงการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเก็บข้อมูลสภาพภูมิประเทศ สภาพพื้นที่ และข้อมูลทางเทคนิคที่จำเป็นสำหรับการออกแบบถนน โดยหมุด GPS ที่ทำขึ้นในพื้นที่นี้เป็นหมุดสำหรับการสำรวจเส้นทางเท่านั้น และเป็นหมุดเขตทางหรือหมุดที่ดินใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเวนคืนที่ดินในโครงการ ปัจจุบันยังไม่มีมีการดำเนินการปักหมุดเคทางหรือหมุดที่ดินในโครงการโดยการทำหมุด GPS จะใช้เป็นจุดควบคุมและอ้างอิงสำหรับการสำรวจและออกแบบถนน ซึ่งถูกจัดทำในพื้นที่สาธารณะหรือพื้นที่ของหน่วยงานราชการเป็นหลัก โดยหมุด GPS จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคลที่ได้รับอนุญาต
ส่วนการจัดประชุม เป็นไปตามข้อกำหนดและกระบวนการทำงานของโครงการเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้น และรับฟังความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ พร้อมสร้างความเข้าใจร่วมกันในชุมชน ตามข้อกำหนดในสัญญาที่กรมทางหลวงจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษา โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่เป็นไปตามกระบวนการจัดทำรายงานประเมินผลผลกระทบสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย 1.ผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งผู้ที่เสียประโยชน์และผู้ที่ได้รับประโยชน์ 2.ผู้ที่รับผิดชอบจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ได้แก่กรมทางหลวง 3.ผู้ที่ทำหน้าที่พิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม 4.หน่วยงานราชการในระดับต่างๆ 5.องค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ องค์กรพัฒนาเอกชน สถาบันการศึกษา และนักวิชาการอิสระ 6.สื่อมวลชน 7.ประชาชนทั่วไป
จากเอกสารชี้แจงดังกล่าว สมโชค มองว่า ย้อนแย้งกับข้อตลกลงที่คุยกันไว้เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่มีการเขียนเป็นลายลักษ์อักษรว่า “ไม่ใช่เวทีปฐมนิเทศ” เพราะกระบวนการไม่ถูกต้อง ซึ่งมีการลงนามโดยเจ้าหน้าที่รัฐถึง 2 คน แต่ในเอกสารกลับยืนยันว่าเวทีเมื่อวันที่ 22 ต.ค. นั้นจัดเป็นวันปฐมนิเทศที่ถูกต้อง และยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการสำรวจโดยการนำอากาศยนไร้คนขับ (โดรน) เข้ามาในพื้นที่ของชาวบ้าน และมีการปักหมุดไว้จริง โดยในหมุดยังระบุชัดว่า เป็น “หมุดหลักฐาน MR8 กรมทางหลวง”
“แสดงว่า สิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐทั้งคู่ ลงนามไว้ เป็นการ ตระบัดสัตย์ ต่อพี่น้องประชาชน เพียงเพื่อต้องการให้กลับจากการชุมนุมที่เวทีเท่านั้น แล้วจะมาจัดงานอีกครั้งวันที่ 12 ธ.ค. ยังจัดขึ้นถึง 3 พื้นที่ ได้แก่ ต.วังตะกอ ต.พะโต๊ะ จ.ชุมพร และ ต.ราชกรูด จ.ระนอง ซึ่งการจัดเวทีวันและเวลาเดียวกัน 3 แห่ง เชื่อว่าเพื่อเป็นการแยกประชาชนออกจากกัน ตัดกำลังมวลชน มองว่าไม่ชอบธรรม และเป็นการโกหกหลอกลวงประชาชน เหยียบย่ำศักดิ์ศรี ทั้งที่มีเจ้าหน้าที่รัฐมาเป็นพยาน”
สมโชค จุงจาตุรันต์
ร่อนหนังสือ “คัดค้าน” จัดเวที 12 ธ.ค. 67
สมโชค กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการส่งหนังสือคัดค้าน ต่อหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ ได้แก่ นายกฯ อบต.พะโต๊ะ นายอำเภอพะโต๊ะ นายกเทศมนตรี ต.ราชกรูด ผู้ว่าฯ ระนอง ผู้ว่าฯ ชุมพร โดยขอให้ทบทวนการอนุญาตจัดเวทีปฐมนิเทศดังกล่าว