เช็กลมหายใจ ‘ตลาดช่องจอม’ : แม้วันที่ไร้เสียงปืน แต่ชีวิตยังไม่ฟื้นคืนสู่ปกติ

The Active ชวนฟังเสียงผู้ค้าด่านชายแดนช่องจอม เผยหลังเหตุปะทะ รายได้หายไปกว่า 20 เท่า ลุ้นการประชุม GBC ความหวังให้สถานการณ์ตึงเครียดไทย-กัมพูชา คลี่คลายลง เพื่อได้กลับมาค้าขายเหมือนเดิม

วันนี้ (6 ส.ค. 68) The Active ลงพื้นที่ตลาดชายแดนช่องจอม จ.สุรินทร์ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบเหงา จากที่เคยคึกคักด้วยสินค้าจากทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา เหลือเพียงแผงค้าบางตา นิวัฒน์ จอมคำสี ผู้ค้าตลาดชายแดนช่องจอม ซึ่งขายของสด และสินค้าทั่วไป เขายังคงเปิดขายตามปกติ แม้สถานการณ์ไม่ปกติ หลังเหตุปะทะตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา

“ผมเปิดร้านตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.เลยครับ เพราะพี่ทหารไม่มีอะไรจะกิน ผมก็เลยเปิดไว้เผื่อเค้าจะได้มีของใช้ของกินบ้าง”

นิวัฒน์ จอมคำสี

นิวัฒน์ จอมคำสี ผู้ค้าตลาดชายแดนช่องจอม จ.สุรินทร์

แม้รู้ดีว่าสถานการณ์ไม่ปลอดภัย แต่ นิวัฒน์ ก็เลือกอยู่ต่อ เพราะลูกค้าหลักในตอนนี้ คือ ทหาร และชาวบ้านบางส่วนที่ยังไม่อพยพ

“กลัวก็กลัวครับ แต่ก็อยู่ไปวัน ๆ รายได้ก็ไม่ได้มากอะไร อยู่แบบนี้ก็เพื่อประคองร้านไว้ก่อน ของก็ลดลง ซื้อแค่ที่จำเป็น”

นิวัฒน์ จอมคำสี

ตลาดชายแดนช่องจอม เคยเป็นจุดแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างคน 2 ฝั่งแดนทั้งชาวไทยและกัมพูชา นิวัฒน์ ยอมรับว่า เมื่อก่อนตลาดตรงนี้คึกคักมาก ของจากฝั่งกัมพูชา ก็มีพวกผักป่า เห็ด หอย ส่วนของไทย ก็มีของสด ลูกชิ้น หมู ไก่ ผลไม้ อย่างมะม่วง ข้าวโพด ฝั่งโน้นก็มาซื้อไปขายต่อเป็นประจำ โดยเฉพาะวันพุธกับวันเสาร์จะเยอะเป็นพิเศษ

“แต่ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.เป็นต้นมา ทุกคนก็อพยพกันหมด เหลือไม่กี่ร้าน ส่วนผมก็นอนอยู่บังเกอร์โรงเรียนช่วงที่เสียงปืนดัง แล้วก็กลับมานอนที่บ้านในหมู่บ้านนี้”

นิวัฒน์ จอมคำสี

นิวัฒน์ สารภาพเลยว่า ทุกวันนี้รายได้ลดลง 10 – 20 เท่าตัว แต่ถึงยังไงเขาก็ยังต้องขาย ไม่คิดจะเลิกขายในตอนนี้ จึงอยากให้สถานการณ์กลับมาเหมือนเดิม เพราะตอนนี้กระทบหนัก ถ้ายังเปิดไม่ได้ ก็คงต้องมองหาทางอื่นไว้เหมือนกัน

เรายังพบ แม่ค้าชาวไทย ในตลาดช่องจอม ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากการอพยพ หลังต้องหนีไปอยู่กรุงเทพฯ ร่วม 2 สัปดาห์ เธอ บอกว่า ก่อนหน้านี้ขายทุเรียนอยู่ที่นี่ แต่พอเกิดเหตุ ก็หนีไปอยู่รังสิต กรุงเทพฯ เพิ่งกลับมาได้ 3 วัน เพราะไม่รู้จะไปไหน

แม่ค้า ตลาดชายแดนช่องจอม จ.สุรินทร์

“หนูเป็นคนจันทบุรี แต่ย้ายมาอยู่ที่นี่มาขายผลไม้มาจะ 2 ปีแล้ว อยากให้ตลาดเปิดเหมือนเดิมค่ะ เพราะลูกค้าฝั่งกัมพูชาเยอะ ถ้าด่านเปิด เขาก็จะมารับทุเรียน มังคุด ไปขายเหมือนก่อน”

แม่ค้า ตลาดช่องจอม

แม้จะอยู่กันคนละฝั่งแดน แต่ เธอยอมรับว่า ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ค้าและลูกค้ากัมพูชายังแน่นแฟ้น

“หนูไม่ได้มีปัญหาอะไรกับลูกค้าฝั่งโน้นเลยนะคะ เจอกันก็คุยกันตามปกติ เราเป็นแม่ค้าเหมือนกัน… ส่วนเรื่องรบก็รบไป เราก็อยากให้สงบเร็ว ๆ จะได้กลับมาทำมาหากินได้เหมือนเดิม”

แม่ค้าคนนี้ ทิ้งท้าย

ไม่ต่างกับ นิวัฒน์ ที่ย้ำว่า “ลูกค้ากัมพูชาก็ยังโทรมาถามครับว่าสถานการณ์เป็นไงบ้าง เขาก็เป็นห่วงเรา เราก็เป็นห่วงเขา เพราะเป็นลูกค้าเจ้าประจำกัน”

จากตลาดชายแดนที่เคยเต็มไปด้วยเสียงค้าขาย วันนี้เหลือเพียงเสียงของความหวัง ว่าเมื่อสถานการณ์สงบ ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active