“ขบวนการต่อต้านกฎหมายทำลายการรวมกลุ่ม” จับมือ 3 พรรคคว่ำร่างกฎหมาย ชี้ รัฐบาลเหลือเวลาไม่มาก คาดเสนอร่างกฎหมายไม่ทันพิจารณาในสภาฯ ชุดนี้ พร้อมกลับมาปักหลักชุมชนต่อ หาก ครม.ยังเดินหน้า
วันนี้ (30 พ.ค. 2565 หลังจากที่กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ขบวนการต่อต้านกฎหมายทำลายการรวมกลุ่ม ปักหลักชุมนุมอยู่ที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานสหประชาชาติมาตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา เข้าสู่วันที่ 8 ในวันนี้ มีเครือข่ายกว่า 67 องค์กรเคลื่อนขบวนมายังเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยเหตุเกิดเหตุความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามขอพื้นที่เพื่อจัดตั้งเวทีหน้าตู้คอนเทนเนอร์และมีการรื้อแนวกั้นของตำรวจออก แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บ
ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาพบกับมวลชน พร้อมกับแจ้งผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่ามีการนำข้อเสนอของภาคประชาชนเข้าไปหารือเบื้องต้นและได้มอบหมายให้ อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กลับไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชน อีกกลุ่มซึ่งต้องยอมรับว่ามีความเห็น 2 ด้าน ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับร่างกฎหมายฉบับนี้ จึงเปิดพื้นที่ให้ทั้สองกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วมด้วยการตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมาพิจารณารายมาตรา ซึ่งได้นัดหมายกลุ่มภาคประชาชนเข้ามาเจรจากันที่อาคาร กพร.ในวันพรุ่งนี้ (31 พ.ค. 2565) เวลา 15.00 น
อย่างไรก็ตาม ทางแกนนำได้หารือและปฏิเสธที่จะเจรจากับรัฐบาล พร้อม ประกาศชัยชนะการปักหลักชุมนุมมาถึง 8 วันที่สามารถยื้อการนำร่าง พ.ร.บ.การดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ และหากพบว่าคณะรัฐมนตรี จะนำร่างกฎหมายดังกล่าวเข้ามาพิจารณาอีกก็พร้อมจะกลับมาชุมนุมทันที
สมบูรณ์ คำแหง แกนนำขบวนการต่อต้านกฎหมายทำลายการรวมกลุ่ม กล่าวว่า เวลาของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เหลือน้อยลงแล้ว โดยเตรียมจับตาการผ่านพิจารณา ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ในวันพรุ่งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญด้วยมิติด้านการเมืองอีกทั้ง เชื่อว่าร่างกฎหมายจะไม่สามารถพิจารณาได้ทันในสมัยการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร
อย่างไรก็ตามจะเดินหน้าสื่อสารให้ประชาชนทุกภูมิภาคตื่นตัวเกี่ยวกับ ร่างพ.ร.บ.การดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พร้อมจับมือกับพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และ พรรคไทยสร้างไทยที่ตอบรับเจตนารมณ์ของประชาชนในการคว่ำกฎหมายฉบับนี้ ไปพร้อมๆกับภาคประชาชน
สำหรับ ร่าง พ.ร.บ.การดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร ก่อนหน้านั้น วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าเป็นเจตนาดีของรัฐบาล ที่ต้องการจะรู้ว่าเงินทุนสนับสนุนจากต่างประเทศที่ได้ นำมาใช้ดำเนินกิจกรรมอะไรในประเทศไทย ซึ่งยืนยันว่าเป็นหลักสากลที่หลายประเทศก็ทำกัน ไม่ใช่การปิดกั้นการชุมนุม รวมกลุ่ม และที่สำคัญเรื่องนี้ยังอีกไกล เพราะยังเหลืออีกหลายขั้นตอน ซึ่งต้องปรับแก้ร่างกฎหมายให้เหมาะสมที่สุด