ระบุ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีหมอเฉพาะทางโรคหัวใจ หากจำเป็นต้องส่งต่อไปโรงพยาบาลตำรวจ ห่วงภาวะหัวใจขาดเลือด พังผืดเกาะปอด เหนื่อยง่าย กระดูกทับเส้นทรงตัวผิดปกติ
วันนี้ (22 ส.ค. 2566) ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีการส่งตัว ทักษิณ ชินวัตร เข้าเรือนจำว่า ทักษิณ เป็น ผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบาง เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว โดยทางญาติได้ประวัติการรักษา และตรวจสุขภาพเบื้องต้นพบโรคที่เฝ้าระวังคือ
1.โรคหัวใจ คือภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อยู่ระหว่างการติดตามการรักษา ทานยาละลายลิ่มเลือด
2.มีปัญหาทางปอด เนื่องจากมีประวัติเป็นปอดอักเสบรุนแรงจากการติดเชื้อโควิด-19 แม้จะหายแล้วแต่ยังมีพังผืดในปอด ทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย โดยทั้ง 2 โรคจำเป็นต้องเฝ้าระวังและการดูแล
3. ความดันโลหิตสูง รักษาโดยการรับประทานยา มีความดันโลหิตที่ผิดปกติ ล่าสุดตรวจพบระดับความดันสูง เป็นผู้ป่วยที่ยังไม่สามารถคุมความดันได้
และ 4.ภาวะเสื่อมตามอายุ มีภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมในหลายระดับ มีการกดทับเส้นประสาท ทำให้มีการปวดเรื้อรัง การเดิน ทรงตัวผิดปกติ
“โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เป็นโรงพยาบาลระดับทุติยภูมิ ซึ่งไม่มีแพทย์เฉพาะทางครบโดยเฉพาะแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจ อาจจำเป็นต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลตำรวจซึ่งเป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ หรือ โรงพยาบาลอื่น ๆ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข“
นายแพทย์วัฒน์ชัย
ด้าน สิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ บอกว่า การรับตัว ทักษิณ ดำเนินการตามมาตรการรับตัวคนเข้าใหม่ โดยจัดทำทะเบียนประวัติ ตรวจสุขภาพโดยแพทย์ของ รพ.ราชทัณฑ์ พบว่าเป็นกลุ่มเปราะบาง และมีโรคประจำตัวที่ต้องเฝ้าระวังและรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยต้องตรวจติดตามโดยแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งขณะนี้ได้แยกคุมขัง ทักษิณ ไม่ให้ปะปนกับผู้ต้องขังอื่น โดยแยกขัง ทักษิณ แดน 7 เพียงคนเดียว ซึ่งเป็นสถานพยาบาลของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อความปลอดภัย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง 24 ชม.
ส่วนการเข้าเยี่ยมหลังจากนี้ ตามมาตรการของกรมราชทัณฑ์ ผู้ต้องขังจะต้องกักตัว 10 วัน โดย 5 วันแรกจะกักตัวอย่างเข้มข้น อยู่แต่ในห้อง ในช่วงนี้ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมจะมีเฉพาะทนายความเท่านั้น ส่วน 5 วันหลังจะผ่อนปรนไปอยู่ในพื้นที่กักกัน และอนุญาตให้เยี่ยมผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ซึ่งญาติหรือผู้เกี่ยวข้องสามารถขอเยี่ยมได้หลังจากผ่าน 5 วันหลังไปแล้ว