เลขาฯ กกต. นำทีมลงพื้นที่ กทม. เตรียมพร้อมเปิดรับสมัคร สว. วันแรกพรุ่งนี้ ย้ำ ระวัง 3 เรื่องร้องเรียน “คุณสมบัติ – ทักท้วงการลงคะแนน – ฮั้ว”
วันนี้ (19 พ.ค. 2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงพื้นที่สถานที่รับสมัคร สว. ที่สำนักงานเขตคันนายาว และสำนักงานเขตบางกะปิ โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานเขต และผู้ที่ได้รับมอบเป็นผู้อำนวยการเป็นผู้อำนวยการเลือก สว. ให้การต้อนรับ และได้ยืนยันถึงความพร้อมของสถานที่รับสมัคร ที่กำหนดไว้เป็น 5 จุด จะเริ่มจากจุดตรวจสอบเอกสาร โต๊ะรับสมัคร บันทึกข้อมูล ชำระค่าธรรมเนียม และออกใบรับสมัคร
นายแสวงให้แนวทางสำหรับการรับสมัครว่า ให้ดำเนินการรับสมัครไปก่อน เพราะถือว่าผู้สมัครแต่ละคนรับรองคุณสมบัติของตนเอง เนื่องจากมีการประกาศคุณสมบัติและข้อห้ามในการลงรับสมัคร สว. อย่างชัดเจนแล้ว ทั้งนี้ ในอนาคตหากมีการตรวจสอบหรือร้องเรียนกันเองของผู้สมัครก็ให้ส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา และหากพบว่าขาดคุณสมบัติผู้สมัครก็จะต้องรับผิดชอบ นอกจากนี้ยังให้ระมัดระวังเรื่องของตัวเลขที่อาจจะมีความคล้ายกัน เช่น เลข 1 กับเลข 7 เลข 6 กับเลข 9 และ เลข 8
สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร เลขาธิการ กกต. เชื่อว่าจะมีผู้สมัครมากกว่าพื้นที่อื่น เพราะเป็นพื้นที่ใหญ่ มีบุคคลสนใจเป็นจำนวน และคาดหวังว่าวันสมัครตลอด 5 วัน ระหว่างวันที่ 20 -24 พฤษภาคมนี้ จะมีผู้สมัครเพิ่มขึ้น และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งเชื่อว่า กทม. จะเป็นพื้นที่จุดแข็งที่สุดในการรับสมัคร พร้อมขอบคุณสำนักงานเขตที่สนับสนุนงาน กกต.
ส่วนเรื่องงบประมาณในการดำเนินการยืนยันว่าทาง กกต. ได้จัดสรรไว้ให้แล้วแต่ละพื้นที่ไม่ต้องกังวลใจ
นอกจากนี้ นายแสวง ยังย้ำถึงความพร้อมและมั่นใจสำหรับการรับสมัครวันแรกพรุ่งนี้ทั่วประเทศ ส่วนการแนะนำตัวของผู้สมัคร สว. ยืนยันว่า กกต.ไม่ได้จำกัดสิทธิ ผู้สมัครหรือสิทธิประชาชนหรือสิทธิสื่อมวลชน แต่การไม่ให้หาเสียง ให้ใช้วิธีแนะนำตัวเพื่อให้เกิดความเสมอภาคในการแข่งขัน สุจริตเที่ยงธรรม จะไปฮั้วหรือแสดงวิสัยทัศน์เสนอนโยบายไม่ได้ โดยผู้สมัคร จะกรอกประวัติหรือแบบสว. 3 ที่จะสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปเผยแพร่ ในช่องทางต่าง ๆ เพื่อให้ผู้สมัครท่านอื่นหรือประชาชนเข้าถึงข้อมูลอยู่แล้วเพื่อเป็นการป้องกันการฮั้วหรือแลกคะแนน ที่กฎหมายออกแบบป้องกันไว้ระดับหนึ่ง คือการเลือกไขว้ แต่อาจไม่เพียงพอ สำหรับผู้ที่จะชนะเป็น สว. ดังนั้น สำนักงาน กกต. ก็ได้เตรียมความพร้อม ตั้งแต่เริ่มให้ความรู้ ก่อนมีพระราชกฤษฎีกาเลือก สว. จนถึงวันที่มีพระราชกฤษฎีกา แต่หากประชาชนพบว่ามีการทำให้การเลือกไม่สุจริตเที่ยงธรรม มีพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎหมายให้ส่งมาที่ Application ตาสับปะรด หรือหากมีการแนะนำตัวที่มากกว่าที่กฎหมายกำหนดจะมีเงินค่าตอบแทนสำหรับการแจ้งเบาะแสด้วย
พร้อมยืนยันว่า จะได้ชุดใหม่ 200 คน อย่างแน่นอน เมื่อมาเห็นหน้างานยิ่งมีความมั่นใจ แม้ส่วนตัว ยอมรับว่ากังวลใจนิด ๆ แต่เมื่อลงพื้นที่คุยกับคนทำงานจึงมั่นใจ ส่วนสิ่งที่ติดอยู่ในใจคือตัวคนจะเหมาะสมเป็น สว. หรือไม่ มันไม่ได้อยู่ที่ กกต. แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของ สว. ว่าเราจะได้ สว. แบบไหน แต่ย้ำว่า ได้ 200 คนได้ตามโรดแมปแน่นอน
สำหรับเรื่องร้องเรียนนายแสวง กล่าวว่า มี 3 ประเภท คือ เรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม เมื่อประกาศไปแล้ว ผู้สมัครเห็นว่าสมัครได้แต่ประชาชนอาจเห็นว่าไม่มีคุณสมบัติ ก็อาจยื่นเรื่องต่อ ผอ.เขตเพื่อยื่นต่อให้ศาลฎีกาพิจารณา นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการจำกัดสิทธิ เช่น ไม่ได้เลือกส่วนท้องถิ่น 2 ปีหรือลงสมัครมากกว่า 2 กลุ่มก็ต้องลบชื่อออก และจะส่งต่อให้ศาลฎีกาพิจารณาให้เสร็จก่อน 1 วัน แต่หากไม่เสร็จให้ดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ยังมี เรื่องร้องระหว่างกระบวนการลงคะแนนเลือก ที่ยังสามารถทักท้วงกรรมการวินิจฉัยได้ทันที และยังรอง กกต.ได้อีกช่องทาง หากไม่พอใจ ซึ่งคำวินิจฉัยของ กกต. เป็นที่สิ้นสุด
ขณะเดียวกันยังมีเรื่องร้องเกี่ยวกับ การซื้อเสียง การฮั้วการจ้างคนมาลงสมัคร ซึ่งต้องใช้เวลา ในการพิจารณา อาจไม่แล้วเสร็จตามกระบวนการเลือกระดับอำเภอ จังหวัด ประเทศ ซึ่งต้องใช้เวลา เนื่องจาก ต้องให้ความเป็นธรรม กับทุกฝ่าย แต่อยากให้สบายใจว่าทั้ง 3 เรื่องจะไม่กระทบกับไทม์ไลน์หรือโรดแมป ในการประกาศให้ได้ สว. 200 คน
เลขาธิการ กกต. ยังเชื่อว่าประชาชนตื่นตัว กับการเลือก สว. ครั้งนี้หลังมีการรณรงค์จาก กกต. และกลุ่มอื่น ๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ความสนใจที่จะมาลงสมัคร มีเงื่อนไขจำนวนมาก เช่น เกณฑ์อายุ และกลุ่มอาชีพ ที่ต้องมีประสบการณ์ ซึ่งอาจทำให้ผู้สมัครเหลือน้อย แต่ส่วนตัวเชื่อว่าจะยังคงมีผู้สมัครจำนวนมาก และช่วงนี้อาจ อย่างชั่งใจ รอการตัดสินใจลงสมัคร ดังนั้นจึงต้องรอดูวันรับสมัคร ซึ่งวันพรุ่งนี้จะเป็นวันแรกว่าจะมีผู้สนใจมากแค่ไหน