‘อดีต กกต.’ หวั่นวุ่นวายระยะยาว ถ้า DSI ยุ่งคดีเลือกตั้ง

‘สมชัย’ ยอมรับ เป็นเรื่องดี ที่คดีแยกเป็น 2 ทาง กกต. ดูทุจริตเลือกตั้ง ดีเอสไอ ดูฟอกเงิน ขณะที่ ‘ยุทธพร’ เชื่อ ไม่ส่งผลต่อเสถียรภาพ สว. หลัง กคพ. รับ คดีฮั้วเลือก​ สว. เป็นคดีพิเศษ​ ​ในฐานฟอกเงิน ชี้ ใช้เวลาสอบอีกยาว

วันนี้ (6 มี.ค. 68) ภายหลังการประชุม คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ที่มี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ซึ่งได้มีมติรับพิจารณาคดีฮั้วเลือก สว.2567 เป็นคดีพิเศษ ในคดีการฟอกเงิน จากองค์ประชุม 22 คน เข้าร่วม 18 คน โดยมี 11 เสียงเห็นชอบให้เป็นคดีพิเศษ ไม่เห็นชอบ 4 เสียง และงดออกเสียง 3 เสียง

รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ความเห็นต่อกรณีที่เกิดขึ้นผ่านรายการ FLASH TALK โดยบอกว่า ต้องทำความเข้าว่าสิ่งที่เป็นมติดังกล่าว ไม่มีการลงมติในคดีอั้งยี่ ซ่องโจร คดีความมั่นคง และคดีการเลือกตั้ง ทางบอร์ด กคพ. เองอาจจะพิจารณาแล้วว่า เป็นเรื่องที่อยู่ในขอบเขตของ กกต. ดังนั้น จึงไม่มีการลงมติในประเด็นเหล่านี้ ในตอนนี้จึงมีเพียงการลงมติรับเป็นคดีพิเศษ คือ คดีฟอกเงิน

รศ.สมชัย ยอมรับตามตรงว่า คดีนี้ไม่ต้องลงมติก็รับเป็นคดีพิเศษได้ เพราะคดีเกี่ยวกับการฟอกเงิน จะเป็นคดีที่อยู่แนบท้ายบัญชีรายชื่อคดี ของ พ.ร.บ.ดีเอสไอ เป็น 1 ใน 22 ประเภท โดยอยู่ในคดีที่ 16 คดีเกี่ยวกับการฟอกเงิน ไม่จำเป็นต้องมีกระบวนการลงมติอธิบดีดีเอสไอสามารถรับได้ด้วยตัวเอง

อีกทั้งยังมองว่า คดีการเลือกตั้งในการเลือก สว. หากมีการสัญญา การฮั้ว โดยมอบสิ่งตอบแทนที่เป็นประโยชน์เกิดขึ้น ส่วนนี้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน กกต. สามารถขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น ดีเอสไอ, ตำรวจ, ปปง. ก็สามารถที่จะมาช่วยสืบสวนได้ แต่ กกต.จะเป็นฝ่ายที่จะฟันธงว่าใครผิด และส่งไปให้ศาลฎีกาตามที่ กกต.ให้ใบแดง ซึ่ง กกต.ก็มีบทบาทหน้าที่ของตัวเอง แต่เพียงไม่ได้สื่อสารกับประชาชน คนก็เลยรู้สึกว่า กกต.ไม่ทำหน้าที่อะไรเลย ดีเอสไอก็เลยเป็นเหมือนช่องทางที่จะช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ ก็เลยไปร้องที่ดีเอสไอ

หากมองจากกฎหมายของดีเอสไอ ว่า จะสามารถยื่นมือเข้ามาทำเรื่องเกี่ยวการเลือกตั้งได้หรือไม่นั้น รศ.สมชัย บอกว่า ถ้ามองจากกฎหมายของดีเอสก็สามารถทำได้ แต่ก็อาจทำให้เกิดปัญหาความวุ่นวายในอนาคต โดยมองว่า กฎหมายของดีเอสไอจะให้อำนาจคณะกรรมการคดีพิเศษ ที่จะสามารถรับคดีอะไรก็ได้ นอกเหนือจากคดี 22 ประเภท แต่จะต้องใช้มติ 2 ใน 3 ของคณะกรรมการ 15 คนขึ้นไป ดังนั้น คนจะมุ่งหวังให้หยิบเลือกคดีฮั้วเลือกตั้ง สว.ให้ดีเอสไอไปเลย เพราะมองว่า กกต.ทำงานไม่ได้ผล

“แต่ก่อให้เกิดผลเสียในระยะยาว เนื่องจากว่าเรามีองค์กรอิสระที่ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหาร ดูแลการเลือกตั้ง แต่พอมีเรื่องขึ้นมาคนกลับวิ่งหาฝ่ายบริหาร หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษแทน”

รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร

สำหรับการลงมติของบอร์ด กคพ. วันนี้ที่ไม่คดีการเลือกตั้ง คดีอั้งยี่ซ่องโจร ที่เกี่ยวกับความมั่นคง แต่รับเฉพาะคดีฟอกเงิน ซึ่งอยู่ในบัญชีแนบท้ายของดีเอสไอ รศ.สมชัย เห็นว่า ถูกต้องแล้ว เท่ากับว่าตอนนี้เส้นทางของการดำเนิคดีจะแยกเป็น 2 เส้นทาง คือ เส้นทางของ กกต. ซึ่งเดินหน้าต่อในคดีทุจริตการเลือก สว. ว่า กระบวนการเป็นกลุ่มก้อนเข้ามาสมัคร เสนอเงินให้ในการสมัคร คดีนี้ กกต.ก็ต้องดำเนินการต่อ อีกเส้นทาง คือ การฟอกเงิน จะสืบสวนว่า ใครบ้างมีส่วนเกี่ยวข้อง ใครเข้าไปทำอะไร อย่างไร สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ดีเอสไอต้องดำเนินการไป

เมื่อถ้าถามว่าท้ายที่สุดจะมาบรรจบกันได้หรือไม่นั้น อดีต กกต. มองว่า สามารถเป็นไปได้ หากดีเอสไอมีการสอบสวนคดีฟอกเงิน และพบตัวการต่าง ๆ โยงไปถึงผู้สมัครจำนวนหนึ่ง ดีเอสไอก็จะส่งผลผ่านอัยการสูงสุด จนถึงศาลอาญา ขณะเดียวกันก็สามารถส่งสำนวนดังกล่าวในกับทาง กกต. เพื่อบอกว่า คนที่เป็น สว.ปัจจุบันมีใครที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินบ้าง กกต.จะมีการตรวจสอบ และจะสามารถตัดสินให้ใบแดงได้เช่นกัน กระบวนการนี้ถือว่าน่าเป็นคำตอบที่ดูดีที่สุดในปัจจุบัน

‘ยุทธพร’ เชื่อ ไม่กระทบเสถียรภาพ สว.

ขณะที่ผู้สื่อข่าว Thai PBS รายงานว่า รศ.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าว โดยมองว่า คดีการฟอกเงิน​ จะใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากมีพยานและหลักฐานจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น รายชื่อ 1,200 คนที่หลุดออกมาแล้ว ยังไม่นับรวมคนที่อยู่วงนอกอีก จึงเชื่อว่าคงไม่เร็ว และอาจจะใช้เวลาเป็นปี นอกจากนี้ยังมีคำสั่งของพนักงานสอบสวนอีก ว่า จะฟ้องใครบ้าง หลังจากนั้นจะไปสู่ขั้นตอนของอัยการ เพื่อส่งศาลพิจารณา

รศ.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

ส่วนจะเป็นการขัดขา สว. หรือไม่นั้น รศ.ยุทธพร มองว่า แม้คนที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่ง สว. มีโอกาสถูกดำเนินคดีไม่น้อย แต่ต้องดูพยานหลักฐาน พร้อมย้ำว่า การดำเนินคดีในความผิดฐานอั้งยี่ ก็ต้องสู้ในฐานฟอกเงินด้วย เพราะสามารถเชื่อมโยงได้ ดังนั้นจึงต้องดูพยานหลักฐาน ว่า แค่ไหน และใครเกี่ยว

รศ.ยุทธพร ยังบอกว่า ในตอนนี้เป็นเพียงแค่สอบในเบื้องต้น เพื่อนำพยานหลักฐานเข้าสู่ที่ประชุม ดังนั้นจึงเชื่อว่า ยังไม่มีผลกระทบกับ เสถียรภาพของ สว. เพราะต้องไปสู่บทสรุปก่อน

ขณะที่เสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น รศ.ยุทธพร มองว่า เกิดขึ้นในหลายปัจจัย เช่น เรื่องโควตารัฐมนตรี หรือจุดยืนทางการเมือง อีกทั้ง สว.เป็นเพียง 1 ในปัจจัย เพราะไม่มีพรรคไหน ยอมรับว่าเกี่ยวข้องกับ สว. แม้ว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์เชื่อมโยง

เช่นเดียวกันกับ การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นซึ่ง รศ.ยุทธพร มองว่า จะไม่ทำให้เกิดรอยร้าวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพราะฝ่ายค้านพุ่งเป้าอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ทำให้ไม่เกิดการเปรียบเทียบ ว่าใครได้คะแนนมากหรือน้อย ที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่น ดังนั้นทั้งหมดต้องดูในระยะยาว

ส่วนผลที่ดีเอสไอออกมาในวันนี้ สืบเนื่องมาจาก 4 ผู้มีอิทธิพลพบปะกันที่บ้านจันทร์ส่องหล้า และทำให้ 2 พรรคการเมืองใหญ่ไม่กล้าแตกหักกันนั้น รศ.ยุทธพร มองว่า ตั้งแต่ปี 2549 ประเทศไทยเป็นการเมืองคัดออก คือ คัดตัวจริง ออกมาอยู่นอกสนาม ดังนั้นทุกครั้งที่มีการพบปะ ก็จะมีประเด็นทางการเมืองเชื่อมโยง ที่แม้อาจจะมีจริง แต่ไม่มีใครทราบ เชื่อว่า การตัดสินใจที่เกิดขึ้น ได้พิจารณาอย่างระมัดระวัง เนื่องจากมีข้าราชการประจำอยู่ด้วย จึงต้องระมัดระวังในการใช้อำนาจ

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active