หวัง ‘รมต.แรงงาน’ คนใหม่ เร่งสะสางปมเงินเยียวยา-คุ้มครองสิทธิแรงงานเป็นธรรม

‘แรงงานยานภัณฑ์’ ทวงถามเงินเยียวยา หลังปักหลักเรียกร้องหน้าทำเนียบฯ มาเกือบ 4 เดือน อยากเห็นรัฐบาลแย่งกันแก้ปัญหาให้ประชาชน มากกว่าแย่งเก้าอี้กัน ขณะที่ ‘ษัษฐรัมย์’ ชี้ กระทรวงแรงงาน ไม่ใช่อมยิ้มของใคร ต้องคำนึงถึงชีวิต ความเป็นอยู่ประชาชน 10 ล้านคน

ตามที่ปรากฎโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ รัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งคาดหมายกันว่า พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อาจได้เข้ามาทำหน้าที่ รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน คนใหม่นั้น 

วันนี้ (27 มิ.ย. 68) The Active ลงพื้นที่บริเวณสำนักงาน ก.พ. หน้าทำเนียบรัฐบาล ที่ซึ่งกลุ่มแรงงานยานภัณฑ์ ได้ปักหลักพักค้างกันมานานเกือบ 4 เดือนแล้ว เพื่อเรียกร้องเงินชดเชยหลังถูกเลิกจ้าง โดย วิมล ห่วงไธสง อดีตแรงงานยานภัณฑ์ เปิดเผยถึงความคาดหวังจากการปรับ ครม. ครั้งนี้ ที่เบื้องต้นตัวแทนแรงงานยานภัณฑ์ จะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีในวันที่ 1 ก.ค. นี้ เพื่อเรียกร้องเงินเยียวยา โดยย้ำว่า แรงงานทุกคนมีภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ทั้งค่างวดรถ ค่าเช่าบ้าน หนี้บัตรเครดิต 

วิมล ห่วงไธสง อดีตแรงงานยานภัณฑ์

“เงินเยียวยามาอันดับแรกก่อน เงินเยียวยามาก่อน ส่วนเรื่องหางานเอาไว้ทีหลังก่อน อย่างน้อยคนเราก่อนจะไปหางานอะไร มันก็ต้องมีเงินทุนชีวิต อยากจะฝากตรงนี้คือเรื่องเร่งด่วนที่เราจะทำ”

วิมล ห่วงไธสง

วิมล บอกอีกว่า จะประเมินเรื่องการปักหลักเรียกร้องอีกครั้งว่าจะไปต่อแบบไหน เนื่องจากยังต้องรอว่าวันที่ 17 ก.ค.นี้ กระบวนการของศาลจะเป็นไปในทิศทางใด แต่มีความคาดหวังต่อรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานคนใหม่ ที่ต้องเยียวยาอย่างเร่งด่วนให้กับแรงงาน

“จะมีการเยียวยาพวกเราไหม หลังจากที่เราต่อสู่กันมายาวนานติดต่อกันโดยที่ไม่เคยมีบริษัทไหนทำมาก่อน อย่างของ ยานภัณฑ์ ถือว่ายาวนานติดต่อกัน 7 เดือนตั้งแต่ถูกเลิกจ้าง”

วิมล ห่วงไธสง

เมื่อถามถึงความพอใจต่อการแก้ปัญหาที่ผ่านมาของ พิพัฒน์ รัชกิจประการ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มองว่า ยังไม่สามารถแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรม เพราะอดีตรัฐมนตรีแรงงาน พูดเสมอว่า จะพยายามหาแหล่งเงินมาเยียวยาพี่น้องแรงงานที่ถูกลอยแพ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้รับตรงนี้เลย 

“คุณมาแย่งเก้าอี้กันขนาดนี้ คุณมาแย่งกันแก้ไขปัญหากันดีกว่ามั้ย ให้พี่น้องประชาชนเราตามที่ท่านหาเสียงไว้”

วิมล ห่วงไธสง

ย้ำกระทรวงแรงงานไม่ใช่อมยิ้มของใคร

ขณะที่ก่อนหน้านี้ รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน คณะกรรมการประกันสังคม ได้โพสต์ข้อความถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน คนใหม่ ว่า 

“กระทรวงแรงงาน ไม่ใช่อมยิ้มของใคร! รัฐมนตรีคนใหม่ต้องเข้าใจให้ดี กระทรวงแรงงานไม่ใช่หน่วยงานไม้ประดับไม่ใช่ตำแหน่งสำหรับมาเล่นการเมือง แต่เป็นหัวใจสำคัญที่จะเปลี่ยนชีวิตของคนทำงานนับสิบล้านคน! วันนี้กระทรวงแรงงานกำลังรอ… รอรัฐมนตรีแรงงานคนใหม่ที่จะมาจริงจัง มาปฏิรูป มาพัฒนาให้ดีขึ้น ไม่ใช่มาเล่น ๆ”

ทั้งยังย้ำถึงสิ่งที่กระทรวงแรงงานควรเร่งแก้ไข ทั้งการปฏิรูปสำนักงานประกันสังคม การแก้ไขเยียวแรงงาน และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

ษัษฐรัมย์ ยังเปิดเผยกับ The Active ว่า ปัญหาของการแต่ตั้งตำแหน่งรัฐมนตรีของไทย คือ ถูกมองเป็นการจัดสรรผลประโยชน์ของรัฐบาลมากกว่าเป็นที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ ในช่วงที่ผ่านมาจากที่ได้ดูแลในส่วนประกันสังคม ซึ่งสังกัดอยู่ในกระทรวงแรงงาน พบว่า มีปัญหาที่ต้องเร่งแก้อยู่เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นสิทธิประโยชน์ การบริหารสำนักงาน การใช้จ่ายสำนักงาน รวมถึงงบประมาณต่าง ๆ ที่ใช้ไม่คุ้มค่า ไม่มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็มีประเด็นปัญหาเรื่องการลงทุน

การเข้ามาดูแลกระทรวงแรงงาน รวมถึงประกันสังคม เป็นภารกิจที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าประกันสังคมมีการถูกตรวจสอบเรื่องการทุริตและความไม่โปร่งใสอยู่เยอะ การลงทุนที่ไม่มีประสิทธิภาพ การบริหารสำนักงานที่ไม่ตรงจุด รวมถึงการพัฒนาสิทธิประโยชน์ที่ล่าช้า คือ สิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าทำไมรัฐมนตรีแรงงานใหม่ที่จะเข้ามา ต้องมาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ เรื่องความไม่โปร่งใสที่ส่งผลถึงปัจจุบัน รวมถึงค่าแรง การคุ้มครองสวัสดิการแรงงานต่าง ๆ ที่อยู่นอกเหนือประกันสังคม

รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน คณะกรรมการประกันสังคม

ดังนั้น อยากย้ำให้เห็นว่ากระทรวงแรงงานไม่ใช่อมยิ้มของใคร ที่ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามา เสร็จแล้วก็จากไป… ต้องไม่ใช่กระทรวงที่สร้างความสมดุล หรือสร้างความพอใจต่าง ๆ ให้รัฐบาล แล้วก็สามารถที่จะเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่ได้คำนึงถึงชีวิต และความเป็นอยู่ของประชาชนอีกหลัก 10 ล้านคน

แม้ประกันสังคมเป็นสัดส่วน 50% ของเนื้องานในกระทรวงแรงงาน แต่ตอนก็นี้มีปัญหาการถูกเลิกจ้าง มีประชาชนจำนวนมากที่ถูกเลิกจ้างแล้วไม่ได้รับเงินชดเชย ภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ เช่น แรงงานชิ้นส่วนยานยนต์มีการเรียกร้องให้รัฐบาลใช้งบกลางในการเยียาวยา และให้ชาวยไล่บี้กับผู้ประกอบการ จะเห็นว่ามีเคสแบบนี้อยู่เยอะ 

“รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน คนใหม่ ต้องเข้ามาจัดการปัญหาตรงนี้ อย่าให้มีคำกล่าวได้ว่า มีรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน เหมือนมีรัฐมนตรีกระทรวงนายจ้าง คือ ฟังนายจ้างเป็นหลัก ไม่ได้สนใจผู้ประกันตนเลยว่าจะใช้ชีวิตกันอยู่อย่างไร ไม่สนใจแรงงานที่ถูกเลิกจ้างที่ได้รับการปฏิบัติจากกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม” 

รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี

รวมถึงผลศึกษาของกรรมาธิการออกมาคือ การขยายการคุ้มครองแรงงานภาครัฐ ซึ่งมีหลายแสนคนที่ไม่ถูกคุ้มครองภายใต้กฎหมายของกระทรวงแรงงาน เช่น พนักงานธุรการ นักการภารโรงทำงานหนักกว่ากฎหมายแรงงาน บางคนถูกตัดประกันสังคมทิ้ง กลายเป็นลูกจ้างเหมาบริกการ สิ่งที่รัฐมนตรีแรงงานเข้ามาก็ต้องผลักดัน คือ ให้กฎหมายตรงนี้สามารถบังคับใช้ได้ ทำให้การจ้างเหมาบริการต่าง ๆ ต้องหายไป จากกระบวนการจ้างงานในภาครัฐและเอกชน

Author

Alternative Text
AUTHOR

วรัตถ์ สารบรรณ

นักศึกษา ชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาปรัชญา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาธรรมศาสตร์