สสภ.13 (ชลบุรี) ตรวจสอบพบอาจเข้าข่ายของเสียอันตราย ด้านตัวแทนเจ้าของที่ดินเผย ไม่แน่ใจ เจ้าของที่ดินรู้หรือไม่เช่าที่ดินไปทำอะไร รู้แค่เจ้าของที่ทำกิจการขยะรีไซเคิล
เมื่อวันที่ 5 ก.ย. สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 13 (ชลบุรี) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เจ้าหน้าที่อำเภอพนมสารคาม อบต.หัวสำโรง และเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบจุดลักลอบทิ้งของเสียและสิ่งปฏิกูลในพื้นที่หมู่ 11 ต.หัวสำโรงอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา
นิพนธ์ แจ่มจำรัส ที่ปรึกษากฎหมาย ตัวแทนเจ้าของที่ดินที่พบของเสียและสิ่งปฏิกูล เปิดเผยข้อมูลกับ The Active ว่า ที่ดินดังกล่าวเจ้าของที่ดินให้เช่าเมื่อ 5-6 ปีก่อน ผู้ให้เช่าชื่ออะไร เช่าที่ดินไปทำอะไร ตนไม่ทราบให้ตรวจสอบเอกสารที่ อบต.หัวสำโรงเอง แต่ยืนยันว่าเจ้าของที่ดินดังกล่าวประกอบกิจการรีไซเคิลขยะจริง ทั้งนี้เจ้าของที่ดินเป็นบุคคลหรือนิติบุคคลในนามบริษัทไม่แน่ใจ ส่วนของเสียและสิ่งปฏิกูลที่พบครั้งนี้เจ้าของที่ดินรู้เห็นด้วยหรือไม่ว่านำเข้ามาในพื้นที่ ตัวแทนปฏิเสธไม่ทราบข้อมูล
ด้าน สมชาย นพเกตุ ผอ.สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม อบต.หัวสำโรง ระบุว่า เมื่อ 2-3 ปีก่อน มีคนไปขอเอกสารที่ อบต.บอกว่าจะยื่นเรื่องขออนุญาตใช้พื้นที่ แต่หลังจากนั้นก็ไม่เห็นไปติดต่ออีก พื้นที่ดังกล่าวจึงยังไม่ได้มีการอนุญาตให้ดำเนินกิจการใด จนกระทั่งเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่นี่เกิดไฟไหม้ เจ้าหน้าที่ อบต.จึงเข้ามาตรวจสอบก่อนจะมาพบว่ามีของเสียและสิ่งปฏิกูลทิ้งในที่ดิน จึงใช้อำนาจท้องถิ่นสั่งห้ามดำเนินกิจการแต่ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีหรือมีคำสั่งให้ขนย้าย จัดการของเสีย
อาวีระ ภัคมาตร์ ผอ. สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่13 (ชลบุรี) ระบุว่า ของเสียและสิ่งปฏิกูลที่พบในพื้นที่เป็นพวกเศษพลาสติก วัสดุก่อสร้าง และบางชนิดอาจเข้าข่ายของเสียอันตราย ขณะที่จากการตรวจสอบด้วยเครื่องมือภาคสนามสามารถระบุเบื้องต้นได้ว่า เป็นสารอินทรีย์ระเหยง่าย มีการปนเปื้อนของสังกะสีและเหล็ก จากนี้ต้องนำไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติการอีกครั้ง คาดใช้เวลา 1 สัปดาห์ จะสามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นของเสียอันตรายหรือไม่ ซึ่งจะมีโทษหนักสำหรับผู้ที่ครอบครอง ขนย้ายโดยไม่ได้ขออนุญาต ตามพ.ร.บ.วัตถุอันตราย และยังมีอีกหลายความผิดตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
