รมช.มหาดไทย ส่งตัวแทนเจรจาเมียนมา แก้ปัญหาสารหนูในแม่น้ำกก

สาธารณสุขจังหวัด เชียงใหม่ -เชียงราย ประกาศเตือนชาวบ้าน งดใช้น้ำอุปโภค บริโภค โดยเฉพาะเด็ก คนชรา และหญิงตั้งครรภ์ แนะสงกรานต์นี้งดลงเล่นน้ำ

วันนี้ (7 เม.ย.68) ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะกำกับดูแลการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ได้มอบหมายให้ จักรพงศ์ คำจันทร์ ผู้ว่าการ กปภ. สั่งการให้ พงษ์ศักดิ์ เดี่ยววิไล ผู้อำนวยการ กปภ.เขต 9 เข้าหารือกับ มีง จอ ลีน กงสุลใหญ่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ณ ห้องประชุมสำนักงานกงสุลใหญ่ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาสารเคมีปนเปื้อนจากการทำเหมืองทองคำในพื้นที่เมืองสาด และเมืองยอนประเทศเมียนมา

มีง จอ ลีน กล่าวว่า เมียนมา ยินดีให้ความร่วมมือกับไทยในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนของสารเคมีดังกล่าว นอกจากนี้จะประสานไปยังผู้ว่าการเมืองสาด เมืองยอน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป

ด้าน พงษ์ศักดิ์  กล่าวว่า วันนี้มีความมั่นใจในคุณภาพของน้ำประปามีความสะอาดและปลอดภัย สามารถนำไปใช้ได้เป็นปกติ เนื่องด้วย กปภ.ได้เฝ้าระวังและปรับกระบวนการผลิตน้ำให้รองรับกับคุณภาพน้ำดิบที่เปลี่ยนแปลงเพื่อให้ได้น้ำประปาที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ด้วยวิสัยทัศน์ในการทำงานเชิงรุก และการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนสามารถเชื่อมั่นได้ว่าน้ำประปาที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันมีความปลอดภัย และยืนยันถึงความมุ่งมั่นของ ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ ที่จะดำเนินการเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนอย่างแท้จริง

ภาพ : กรมควบคุมมลพิษ

เชียงใหม่ เร่งสื่อสารชาวบ้านงดใช้น้ำเพื่อความปลอดภัย แนะสงกรานต์นี้ หลีกเลี่ยงการลงเล่นน้ำกก

ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. และฝ่ายปกครอง ในพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่ไปให้ความรู้กับประชาชน หลังสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บตัวอย่างน้ำผิวดินเพื่อตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำผิวดินตามมาตรฐานแหล่งน้ำผิวดิน เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 68 จำนวน 3 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 (แม่อาย 01) ชายแดนไทย-พม่า หย่อมบ้านแก่งตุ๋ม ม.14 ต.ท่าตอน จุดที่ 2 (แม่อาย 02) สะพานมิตรภาพแม่นาวาง-ท่าตอน ต.ท่าตอน และจุดที่ 3 (แม่อาย 03) บ้านผาใต้ ม.12 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ 

ผลการตรวจคุณภาพน้ำแม่น้ำกก (แหล่งน้ำประเภทที่ 2 ได้รับน้ำทิ้งจากกิจกรรมบางประเภท ใช้ประโยชน์เพื่อการอนุรักษ์สัตว์น้ำ การประมง การว่ายน้ำ และกีฬาทางน้ำ) อยู่ในเกณฑ์ “เสื่อมโทรม” ทั้ง 3 จุด มีค่า 0.026 มิลลิกรัมต่อลิตร จากมาตรฐานในน้ำทั่วไป ต้องไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐานกว่าเท่าตัว หากนำน้ำมาใช้ในการอุปโภค-บริโภค จะได้รับผลกระทบต่อสุขภาพ โดยผู้ช่วยสาธารณสุข อ.แม่อาย ระบุว่า ขณะนี้เร่งให้ความรู้และเตือนชาวบ้านเกี่ยวกับการใช้น้ำกก เพราะมีอันตราย ส่วนสัปดาห์นี้จะมีการหารือเพื่อวางมาตรการแก้ปัญหา

ด้านสมภพ หน่อแก้ว ปลัดอำเภอแม่อาย ระบุว่า ขณะนี้ได้ประสานกับผู้นำชุมชนและสาธารณสุข รวมถึงปศุสัตว์ เพื่อเตือนประชาชน ห้ามใช้น้ำ และห้ามนำสัตว์น้ำในแม่น้ำกกมาบริโภค ส่วนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ควรหลีกเลี่ยงการลงเล่นน้ำกกไปก่อน

ภาพ : สำนักงานประชาสัมพันธุ์จังหวัดเชียงราย

เชียงราย ตรวจคุณภาพแม่น้ำกก พบสารหนูเกินค่ามาตรฐานทั้ง 3 จุด 

ที่ จ.หวัดเชียงราย ผลตรวจหาสารพิษในแม่น้ำกกทั้ง 3 จุด ของจังหวัดเชียงราย พบสารหนูเกินค่ามาตรฐานเล็กน้อย ซึ่งค่ามาตรฐานไม่เกิน 0.01 แต่จุดที่ 1 บ้านโป่งนาคำ ตรวจวัดได้ 0.013 จุดที่ 2 สะพานข้ามแม่น้ำกก ต.ดอยฮาง ตรวจวัดได้ 0.012 และจุดที่ 3 สะพานแม่ฟ้าหลวงบริเวณหน้าศาลากลาง จ.เชียงราย ตรวจวัดได้ 0.011 

ชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์ และขอประชาชนหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำโดยตรง พร้อมเร่งหาแนวทางแก้ปัญหา

ขณะนี้สาธารณสุข จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย ประกาศเตือนประชาชน ให้ระวังอันตรายจากสารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกก ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำทั้งอาบและนำมากิน โดยเฉพาะเด็ก คนชรา และหญิงตั้งครรภ์ หากพบมีอาการผิดปกติ เช่น ผื่นคัน ท้องเสีย หรือมีประวัติสัมผัสน้ำโดยตรง ให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา

สำหรับการปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำกก ชาวบ้านในพื้นที่ และมูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ ตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะมาจากการทำเหมืองทองคำ ในเขตเมืองยอน รัฐฉาน ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ตอนบนของแม่น้ำกก โดยมีการขุดทำเหมืองและร่อนทอง ตลอด 24 ชั่วโมง 

ทั้งนี้นอกจากกระทรวงมหาดไทยที่เร่งเจรจากับทางการเมียนมาแล้ว สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ยังเปิดเผยว่า ได้เร่งดำเนินการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานภายในประเทศ รวมทั้งประสานงานกับเมียนมา ผ่านกรอบความร่วมมือแม่น้ำโขง-ล้านช้าง เพื่อสอบถามและติดตามสถานการณ์ รวมถึงผลการดำเนินการของฝ่ายเมียนมา ในการหามาตรการรับมือที่เหมาะสม โดยเฉพาะในประเด็นคุณภาพน้ำ และสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง เช่นเดียวกัน