เครือข่าย BAN จากสหรัฐฯ เตือนขยะพิษทะลักเข้าไทยกว่า 5,000 ตันผ่านแหลมฉบัง

“บูรณะนิเวศ” จี้ รัฐห้ามเรือเทียบท่า หลัง เครือข่ายปฏิบัติการบาเซล แจ้งเตือน รัฐบาลไทยว่าเรือขนส่ง 35 ลำ นำเข้าขยะอันตรายและผิดกฎหมายมายังประเทศไทยมากถึง 222 ตู้คอนเทนเนอร์ กำลังมุ่งหน้าสู่ “ท่าเรือแหลมฉบัง” หวั่น เข้าข่ายขยะอันตรายผิดกฎหมาย ละเมิดอนุสัญญาบาเซล

วันนี้ (31 พ.ค. 2568) มูลนิธิบูรณะนิเวศ (Earth) เผยว่า เครือข่ายปฏิบัติการบาเซล (Basel Action Network – BAN) องค์กรพัฒนาเอกชนจากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนมายังหน่วยงานภาครัฐของไทย พร้อมทั้งมูลนิธิบูรณะนิเวศ เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา เกี่ยวกับกรณีที่เรือบรรทุกสินค้า 35 ลำจากสหรัฐอเมริกา กำลังทยอยเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 30 พ.ค. – 21 มิ.ย. 2568 โดยทั้งหมดเป็นเรือที่บรรทุก ของเสียอันตรายและผิดกฎหมาย รวม 5,475 ตัน

จากข้อมูลของ BAN ระบุว่า เรือบรรทุกสินค้าเหล่านี้มีการบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด 222 ตู้ แบ่งเป็น ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) จำนวน 219 ตู้ และ ขยะพลาสติก อีก 3 ตู้ หากคำนวณตามอัตราบรรทุกขั้นต่ำที่ 1 ตู้คอนเทนเนอร์มีน้ำหนักเฉลี่ย 25 ตัน เท่ากับจะมีขยะอิเล็กทรอนิกส์ทะลักเข้าไทยมากถึง 5,475 ตัน และขยะพลาสติกอีก 75 ตัน โดยเรือกลุ่มแรกจำนวน 5 ลำ มีกำหนดเข้าเทียบท่าในวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา และจะทยอยเข้ามาในวันอื่น ๆ โดยวันที่คาดว่าจะมีขยะเข้าสูงสุด ได้แก่ 2 มิ.ย. จำนวน 32 ตู้, 4 มิ.ย. จำนวน 26 ตู้, 6 มิ.ย. จำนวน 22 ตู้, 10 มิ.ย. จำนวน 40 ตู้ และ 21 มิ.ย. จำนวน 4 ตู้

ภาพจาก มูลนิธิบูรณะนิเวศ

แจ้งเตือน พร้อมข้อมูลละเอียด “ไม่ใช่แค่ข้อสงสัย”

เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ เปิดเผยว่า BAN ไม่เพียงแจ้งเตือนในเชิงภาพรวมเท่านั้น แต่ได้แนบข้อมูลอย่างละเอียดประกอบมาด้วย ทั้งชื่อเรือ เลขตู้ วันที่ออกเดินทางจากท่าเรือต้นทาง และกำหนดการเข้าเทียบท่าที่แหลมฉบังอย่างชัดเจน

“ที่ผ่านมา BAN เคยแจ้งเตือนเรื่องการขนส่งขยะอันตรายข้ามแดนที่ละเมิดอนุสัญญาบาเซลมาแล้วหลายครั้ง และทุกครั้งพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริง ข้อมูลถูกต้อง เชื่อถือได้ ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย โดยเฉพาะกรมศุลกากร จึงควรสกัดกั้น มิให้เรือต้องสงสัยทั้ง 222 ลำเข้าเทียบท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อไม่ให้ประเทศไทยต้องรับขยะอันตรายจากอเมริกากว่า 5,500 ตันเข้ามาในประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดภาระต้องผลักดันกลับ รวมถึงเสี่ยงว่าจะมีการรั่วไหลกระจายออกไป” 
เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง

เพ็ญโฉม เปิดเผยอีกว่า ทางมูลนิธิบูรณะนิเวศ ได้ประสานข้อมูลดังกล่าวไปยัง ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าชุดตรวจสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม ที่ระบุเห็นด้วยว่า “ควรต้องสกัดกั้นการนำเข้าตั้งแต่ระดัยหน้าด่าน คือ ที่ท่าเรือ”

ย้ำ ขยะต้องห้ามตาม กม.ไทย – ผิดอนุสัญญาระหว่างประเทศ

ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ ให้ข้อมูลอีกว่า ปัจจุบันไทยมีกฎหมายชัดเจน ในการห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะพลาสติก ได้แก่

  • ประกาศกระทรวงพาณิชย์ ปี 2563 กำหนดให้ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ 428 รายการ เป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้า
  • ประกาศกระทรวงพาณิชย์ ปี 2567 กำหนดให้ เศษพลาสติก ตามพิกัดศุลกากร 39.15 เป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้า มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 2568 เป็นต้นมา

“โดยนิยาม คำว่า “ขยะอิเล็กทรอนิกส์” ครอบคลุมถึง ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีสารอันตราย เช่น ปรอท แคดเมียม ตะกั่ว และพีซีบี ส่วน “เศษพลาสติก” หมายถึง เศษและของเสียจากพลาสติกที่ใช้ไม่ได้แล้ว นอกจากผิดกฎหมายในประเทศ ยังขัดต่อ พันธกรณีระหว่างประเทศภายใต้ อนุสัญญาบาเซล ว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตราย ซึ่งสหรัฐอเมริกาไม่ได้ให้สัตยาบัน หมายความว่า สหรัฐฯ ไม่สามารถส่งของเสียอันตรายเข้าสู่ประเทศที่เป็นภาคีอย่างไทยได้”
มูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวย้ำ

รัฐเคยตรวจพบขยะอันตรายปะปน – สั่งส่งกลับต้นทาง

ก่อนหน้านี้ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ร่วมกับ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กรมศุลกากร และมูลนิธิบูรณะนิเวศ เข้าตรวจสอบตู้สินค้าขาเข้า ณ ท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2568 ซึ่งสำแดงชนิดสินค้าเป็นเศษและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นอะลูมิเนียม (MIXED METAL SCRAP (ALUMINIUM SCRAP)) รวมปริมาณกว่า 110 ตัน แต่พบขยะอิเล็กทรอนิกส์ ปนเปื้อนสารตะกั่ว ปะปนอยู่ในทุกตู้ จึงได้ดำเนินการประสานตามขั้นตอนทางกฎหมาย และให้ส่งกลับยังประเทศต้นทางโดยเร็วที่สุด

ภาพจาก กรมควบคุมมลพิษ

ปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า จากการตรวจสอบตู้สินค้าขาเข้าจำนวน 6 ตู้ พบว่าทุกตู้สินค้ามีการปะปนของแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการปนเปื้อนสารตะกั่ว ซึ่ง เข้าข่ายเป็นของเสียอันตราย ภายใต้อนุสัญญาบาเซล ว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้าย ข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด และ พ.ร.บ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ตามบัญชี 5.2 ของเสียเคมีวัตถุ (Chemical Wastes) ลำดับที่ 2.18 ของเสียอิเล็กทรอนิกส์ จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ที่ต้องขออนุญาตนำเข้าจาก กรอ. และต้องขอคำยินยอมล่วงหน้าก่อนการนำเข้าสินค้าอันตรายดังกล่าว ตามพันธกรณีอนุสัญญาบาเซลฯ 

ปรีญาพร ชี้ว่า การนำเข้าสินค้าอันตรายโดยไม่ได้รับความยินยอมจากประเทศปลายทาง ถือเป็นการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายอย่างผิดกฎหมายภายใต้อนุสัญญาบาเซลฯ และเนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกายังมิได้ให้สัตยาบันในอนุสัญญาฉบับนี้ จึงไม่มีสิทธิ์ส่งของเสียอันตรายเข้ามายังประเทศภาคีอย่างประเทศไทย คพ. ในฐานะศูนย์ประสานงานของอนุสัญญาบาเซลฯ จะดำเนินการแจ้งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการอนุสัญญาบาเซลฯ และประสาน กรอ. เพื่อแจ้งหน่วยงานผู้มีอำนาจของประเทศสหรัฐอเมริกาให้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย รวมทั้งให้พิจารณาดำเนินการส่งกลับของเสียอันตรายดังกล่าวไปยังประเทศต้นทาง โดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นการยับยั้งการนำเข้าของเสียผิดกฎหมายเข้าสู่ประเทศ

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active