ชงแก้ผลกระทบห่วงโซ่เกษตรกรรม พื้นที่ใช้น้ำกก-สาย-รวก-โขง เปื้อนพิษ

นักวิชาการเชียงราย โพสต์จดหมายเปิดผนึก 2 ฉบับ ถึง ‘รมช.ธีรรัตน์’ หวั่นมาตรการ การสื่อสารปัญหาปนเปื้อนโฟกัสแค่น้ำกก เมินน้ำสาย, รวก,โขง ชี้ แก้ปัญหาที่ต้นตอยังไม่ขยับ ย้ำ ภาคการเกษตรในพื้นที่ต้องการความชัดเจน จี้ถามน้ำปนเปื้อนโลหะหนักใช้ทำเกษตรได้หรือไม่ ?

ตามที่ สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์จากสำนักนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โพสต์จดหมายเปิดผนึก ถึง ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ (ส่วนหน้า) ในพื้นที่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย  เรื่อง ข้อเสนอแนะว่าด้วยการทำงานของศูนย์ส่วนหน้า

โดยสาระสำคัญ เน้นย้ำถึงบทบาทของการตั้งศูนย์ส่วนหน้า ที่เห็นเป็นรูปธรรม คือ การจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบน้ำของประชาชนด้วยชุด rapid test หรือ test kit ในจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย จำนวน 4 จุด ซึ่งการประชุมที่จะเกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 9 มิ.ย.นี้

สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์สำนักนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

จึงมีข้อสังเกต และข้อเสนอแนะเพื่อพิจารณา โดยสรุปซึ่งเห็นว่า รัฐบาลยังขาดความมุ่งมั่นแก้ปัญหาต้นเหตุที่แท้จริง, ยังมีแนวทางแก้ปัญหาการปนเปื้อนแค่แม่น้ำกกเท่านั้น ส่วนแม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง ยังไม่มีาตรการที่ชัดเจน ขณะเดียวกันการให้ข้อมูลกับประชาชน ก็ยังสะเปะสะปะ กำกวม ทำให้เกิดความสับสนในข้อมูลจากรัฐบาล รวมไปถึง การที่รัฐยังผูกขาดการผลิตสร้างความรู้ และความจริง ว่าด้วย “ความเสี่ยงข้ามพรมแดน” ไม่ได้เปิดเผยแผนการตรวจ และผลการตรวจอย่างโปร่งใส  

ล่าสุดวันนี้ (8 มิ.ย. 68) สืบสกุล ยังได้ โพสต์จดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2  ถึง รมช.กระทรวงมหาดไทย เรื่อง พื้นที่เกษตรกรรมในลุ่มน้ำกก สาย รวก และโขง คือพื้นที่ห่วงโซ่อาหาร ตกอยู่ในความเสี่ยงมีสารโลหะหนักตกค้างหรือไม่ ? 

โดยแสดงความกังวลในเชิงพื้นที่ โดยสรุป เช่น มีพื้นที่เกษตรกรรมที่ใช้น้ำกก(ฝายเชียงราย)ในการเพาะปลูกมีเนื้อที่ 58,723 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย, เวียงชัย, ดอยหลวง, แม่จัน และเชียงแสน มีพื้นที่เกษตรกรรมที่ใช้น้ำสาย และน้ำรวก เพาะปลูก 60,502 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อ.แม่สาย และเชียงแสน ข้อมูลที่ระบุถึงพื้นที่ปลูกข้าว อย่างน้อย 82,453 ไร่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อย่างน้อย 13,162 ไร่ รวมถึงผักสด ที่ปลายทางของผลผลิตคือใน จ.เชียงราย ทั่วประเทศ ไปจนถึงต่างประเทศ

โดยเฉพาะข้อมูลจาก เกษตรอำเภอเชียงแสน ที่ระบุว่า บ้านสบคำ เชียงแสนน้อย เป็นพื้นที่ปลูกพืชผักสำคัญ ทั้ง มะเขือม่วง, กระเจี๊ยบเขียว ส่งออกไปยังญี่ปุ่น มีพื้นที่เกษตรรวม 8,215 ไร่ ขณะเดียวกันมีคำแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงกรใช้น้ำจากแม่น้ำกก แต่กลับไม่ปรากฎคำแนะนำใด ๆ เกี่ยวกับแม่น้ำสาย, รวก และโขง ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร ซึ่งเกษตรกรในพื้นที่ยังจำเป็นต้องใช้น้ำ เนื่องจากไม่มีแหล่งน้ำอื่น เช่นเดียวกับชาวนาในพื้นที่ดังกล่าว ก็ยังไร้ความชัดเจนว่าสามารถใช้น้ำทำนาได้หรือไม่

ชงข้อเสนอลดผลกระทบห่วงโซ่เกษตรกรรม

สืบสกุล จึงมีข้อเสนอลดผลกระทบในห่วงโซ่เกษตรกรรม ประกอบด้วย

  1. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเปิดเผยแผนและผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำ ตะกอนดินพืชผลการเกษตร และสุขภาพของเกษตรกรในลุมน้ำกก สาย รวก และโขง ที่ใช้น้ำปนเปื้อนสารพิษในการเกษตร

  2. จัดข้อมูลห่วงโซ่สินค้าเกษตรทุกชนิด ตั้งแต่ปลูกไปจนถึงตลาดสินค้าในท้องถิ่น ประเทศ และต่างประเทศ และต้องมีแผนเฝ้าระวังสารโลหะหนักตกค้าง

  3. จัดทำแผนที่ความเสี่ยงแสดงพื้นที่เกษตรกรรมที่ใช้น้ำกก, สาย, รวก และโขง ในการเกษตร โดยต้องมีจำนวนเกษตรกร พื้นที่เกษตร ชนิดพืช ผลไม้ และสัตว์ ที่ชัดเจน เป็นปัจจุบัน

  4. ต้องให้คำตอบที่ชัดเจนกับเกษตรกรว่า ควรนำน้ำปนเปื้อนสารโลหะหนักทำการเกษตรหรือไม่ 

  5. หากกระทรวงเกษตรฯ ไม่แนะนำให้ใช้น้ำปนเปื้อนสารโลหะหนัก ต้องจัดหาแหล่งน้ำให้เกษตรกรทั้งหมด

‘ธีรรัตน์’ ย้ำข้อมูลต้องเป็นหนึ่งเดียว สื่อสารชัด สร้างความมั่นใจประชาชน

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 68 ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานการประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ (ส่วนหน้า) ในพื้นที่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย โดยการประชุมได้พิจารณาการวางระบบการทำงาน การจัดระบบข้อมูล และการวางแผนการสื่อสารกับประชาชนอย่างเป็นระบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน 

รมช.มหาดไทย เน้นย้ำว่า ประชาชนต้องได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและชัดเจน และอยู่ในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่าย การสื่อสารของทุกหน่วยงานต้องเป็นข้อมูลชุดเดียวกัน เพื่อลดความสับสนและเสริมสร้างความเชื่อมั่น และได้สั่งการให้จัดตั้งศูนย์สื่อสารข้อมูลกลางในเรื่องดังกล่าว เพื่อทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารกรณีตรวจพบสารปนเปื้อนในน้ำ ซึ่งปัจจุบัน ได้จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมแล้ว 4 จุด ได้แก่ 

  • จุดที่ 1 ศูนย์การแพทย์แผนไทย อบต.ท่านตอน สะพานท่าตอน อำเภอแม่อาย 

  • จุดที่ 2 สวนสาธารณะน้ำกก หลังศาลากลางจังหวัดเชียงราย ติดสะพานแม่ฟ้าหลวง 

  • จุดที่ 3 บริเวณด่านพรหมแดนแม่สายแห่งที่ 1 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย 

  • จุด 4 บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ อำเภอเชียงแสน เพื่อทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน รวมถึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์คุณภาพน้ำในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง 

“เป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และลดความกังวลของประชาชน นอกจากนี้ ได้มีการกำหนดให้มีการจัดทำรายงานข้อมูลน้ำประปาและผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำ อย่างต่อเนื่องในรูปแบบรายวัน” 

ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์

สำหรับการดำเนินงานในระยะสั้น ได้มีข้อเสนอให้เร่งจัดทำฝายดักตะกอนในพื้นที่วิกฤต และรายงานผลให้ศูนย์ฯ ทราบอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ยังมีการหารือเกี่ยวกับการเจรจาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยให้กรมกิจการชายแดนทหารประสานงานร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และคณะทำงานของคณะเจรจา เพื่อรวบรวมข้อมูลรายละเอียดอย่างรอบด้านและครบถ้วน

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ได้รับการหยิบยกขึ้นมาคือ การเสริมสร้างบทบาทของภาคประชาชน โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนสนับสนุนเยาวชน เครือข่ายภาคประชาสังคม และประชาชนทั่วไป เข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ได้กำหนดประชุมอีกครั้ง ในวันจันทร์ที่ 9 มิ.ย. 68 เวลา 13.00 น. 

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active