หลังเข้าไทยตั้งแต่ ต.ค. 2564 ก่อนพบผู้ติดเชื้อรายแรก พ.ค.ปีนี้ พบเสี่ยงสูง 2 คน กรมควบคุมโรค จับตาผู้ป่วยคลินิกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ขอสังคมอย่าตีตราผู้ติดเชื้อ
วันนี้ (22 ก.ค. 2565) จากการแถลงข่าวไทม์ไลน์ผู้ป่วยฝีดาษลิง ชายชาวไนจีเรีย วัย 27 ปี ที่พบรายแรกในไทย โดย นายแพทย์กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต พบว่า
- 21 ต.ค. 2564 เข้ามาในไทย
- เดือน พ.ย. มาพักคอนโด ที่ป่าตอง จ.ภูเก็ต
- 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง (ไม่ระบุสัญชาติ)
- 9 ก.ค. เริ่มมีอาการ มีไข้ เจ็บคอ มีผื่นขึ้นตามร่างกาย และอวัยวะเพศ
- 16 ก.ค. มาตรวจ ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกไม่มีแพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนัง จึงมารักษาโรงพยาบาลอีกแห่งสงสัยอาการเข้าข่ายโรคฝีดาษลิง ทำการเจาะเลือด ตรวจเชื้อ ผู้ป่วยชายชาวไนจีเรีย ไม่ได้นอนโรงพยาบาลเนื่องจากอาการน้อย มีเพียงไข้ โรงพยาบาลจ่ายยา รักษาแบบผู้ป่วยนอกระหว่างรอผล ให้กักตัวที่คอนโด
- 18 ก.ค. เวลา 17.00-18.00 น. ทางโรงพยาบาลเอกชน โทรไปประสานกับผู้ป่วย ถึงผลตรวจจากห้องปฏิบัติ ว่าพบเชื้อ จะรับตัวมารักษาใน รพ.วชิรภูเก็ตแต่ติดต่อผู้ป่วยไม่ได้ ปิดโทรศัพท์ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อติดตามตัวทราบว่านั่งแท็กซี่ออกจากคอนโด ประมาณ 19.00 น. ไปยัง ป่าตอง เช็คอินเข้าพักโรงแรมแห่งหนึ่ง
- 19 ก.ค. ตรวจสอบกล้องวงจรปิดยังอยู่ที่โรงแรม ไม่ได้ไปไหน แต่ไม่ให้แม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดจากนั้นในเวลา 21.00 น. ผู้ป่วยไปวางกุญแจห้อง ที่เคาน์เตอร์และหายตัวไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโรคฝีดาษลิงเป็นโรคอุบัติซ้ำ ซึ่งพบผู้ติดเชื้อขึ้นอีกเมื่อวันที่ 7 พ.ค 2565 เป็นรายแรก และ ณ เดือน ก.ค. พบผู้ติดเชื้อแพร่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลกถึง 72 ประเทศ (CDC, Jul 2022) ขณะที่ชายชาวไนจีเรีย ซึ่งเป็นผู้ป่วยยืนยันฝีดาษลิงคนแรกในไทย เดินทางเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ ต.ค.ปีที่แล้ว ตามไทม์ไลน์ที่ สสจ.ภูเก็ตแถลง ก็หมายความว่าจะต้องติดเชื้อฝีดาษลิงภายในประเทศไทย
สสจ.ภูเก็ต รายงานการสอบสวนโรค เริ่มตั้งแต่ ช่วงเย็นของวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา ในการหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ซึ่งเป็นเพื่อนใกล้ชิด ผู้ป่วยชายชาวไนจีเรีย 2 คน และคัดกรองเชิงรุกตามสถานที่ ที่ผู้ป่วยไป เช่น โรงพยาบาลเอกชนทั้ง 2 แห่ง ไม่พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง พบเพียงผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 1 คน สถานบันเทิง ป่าตอง 2 แห่งทีมสอบสวนโรค ลงไปสอบสวน 142 คนในจำนวนนี้ไม่ใช่ผู้สัมผัสใกล้ชิด แต่พบ 6 คน ที่มีไข้ ไอ เจ็บ คอ จึงได้เอามาตรวจเชื้อ เจาะเลือด ไม่พบเชื้อ และไม่พบอาการผื่น
“เบื้องต้น ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม ได้มีการกักตัวกลุ่มเสี่ยงสูง 21 วัน ส่วนคัดกรองในชุมชน คือที่โรงแรม และที่ร้านซักผ้า มีผู้สัมผัสเสี่ยง 9 คน ขณะนี้ยังติดตามแท็กซี่ที่รับผู้ป่วยไม่ได้ ขอให้มาเจาะเลือดและสังเกตอาการด่วน”
นายแพทย์กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกุล
ด้านนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวล เพราะไม่ได้ติดเชื้อง่ายเหมือนกับโควิด-19 เพราะการติดเชื้อโรคฝีดาษลิง จะเป็นการสัมผัสแบบใกล้ชิดและสัมผัสตุ่มหนอง แผลสะเก็ดต่าง ๆ โดยไม่ติดต่อผ่านระบบทางเดินหายใจ
โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม.จัดระบบเฝ้าระวังคัดกรองสถานพยาบาลทุกแห่ง คลินิกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ หากพบผู้ป่วยต้องสงสัยต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยยืนยันต่อไป การรักษาจะรักษาตามอาการ เนื่องจากยังไม่มียาต้านไวรัสโดยตรง
สำหรับยาต้านไวรัส โดยเฉพาะฝีดาษลิงยังไม่มี ส่วนใหญ่จะรักษาตามอาการและรักษาหายได้เอง ขณะเดียวกันกรมควบคุมโรค อยู่ระหว่างจัดหาวัคซีนโรคฝีดาษลิง รวมถึงมีวัคซีนโรคฝีดาษ ที่องค์การเภสัชกรรม สำรองไว้ แต่ข้อบ่งใช้ที่จะฉีดให้กับประชาชน ตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องฉีดให้กับประชาชน เพราะต้องดูเรื่องประสิทธิภาพความปลอดภัยก่อน
“มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ยังใช้ได้กับโรคฝีดาษวานร โดยต้องเน้นล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่าง ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยที่มีตุ่มหนอง ย้ำว่าต้องไม่ตีตราหรือลดทอนคุณค่าผู้ติดเชื้อหรือกลุ่มเสี่ยง”
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์
กรมวิทย์ฯ ปลุกวัคซีนฝีดาษแช่แข็งกว่า 40 ปี
หลังจากที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศความสำเร็จในการกวาดล้างโรคฝีดาษไปจากโลกแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.2523 ทำให้การให้วัคซีนเพื่อป้องกันโรคฝีดาษในคนจึงได้หยุดไป แต่เนื่องจากพบการระบาดอีกครั้งของโรคฝีดาษวานรในต่างประเทศ ทำให้ประเทศไทย ต้องเฝ้าระวังโรคนี้อย่างใกล้ชิดและเตรียมการรองรับ
นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่าขณะนี้มีวัคซีนฝีดาษคนที่องค์การเภสัชกรรมผลิตเก็บไว้นานกว่า 40 ปี ได้นำมาตรวจสอบคุณภาพวัคซีน โดยเป็นวัคซีนเชื้อเป็นเก็บในรูปผงแห้งที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ผลิตตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 และ 2523 จำนวน 13 รุ่นการผลิต รวม 10,000 หลอด บรรจุหลอดละ 50 โดส รวมทั้งหมด 500,000 โดส
วัคซีนฝีดาษจากองค์การเภสัชกรรม จำนวน 13 รุ่น ยังคงมีคุณภาพตามมาตรฐานวัคซีนไวรัสทั่วไป และยังคงมีคุณค่า หากเกิดการระบาดขึ้นในประเทศและไม่สามารถจัดหาวัคซีนฝีดาษมาใช้ได้ในสถานการณ์ที่มีการระบาด ไปทั่วโลก วัคซีนฝีดาษที่มีอยู่นี้น่าจะนำมาใช้ในการป้องกันโรคฝีดาษวานรได้ อย่างไรก็ตามการที่จะนำมาใช้ได้ในสภาวะฉุกเฉินนั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่จะได้รับรวมถึงวัคซีนทางเลือกที่มี ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้ได้รับวัคซีน
ส่วน สถานการณ์ การพบผู้ป่วยฝีดาษลิง ทั่วโลก พบ ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา จนถึงข้อมูลวันที่ 17 ก.ค 65 รวมผู้ป่วยทั่วโลก 12,608 คน แม้จะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น แต่อัตราการแพร่ระบาดยังไม่ได้เร็ว ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน มีรายงานที่ประเทศสิงคโปร์ ไต้หวัน อินเดีย เป็นต้น พบมากที่สุดในประเทศสเปน 2,000 กว่าคน พบว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย